ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3 ปี 2558 นี้ ต่ำกว่าเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ เนื่องด้วย 1) IEC ได้มีการลงทุนในโครงการต่างๆเพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทจำเป็นต้องจ้างบุคลากรเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ โดยค่าใช้จ่ายการบริหารงานเพิ่มขึ้นประมาณ 9.5 ล้านบาท 2) IEC มีต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากการรับภาระหนี้สินจากสถาบันการเงิน สำหรับการเข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะชีวมวลของบริษัท ไออีซี สระแก้ว 1 จำกัด ตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2557 ส่งผลให้บริษัทมีภาระค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น จากสาเหตุดังกล่าวทำให้กำไรสุทธิของบริษัทลดลงจำนวน 9.80 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม IEC อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการติดตั้งเครื่องจักรเฟสหนึ่งจำนวน 6 สายการผลิตที่โรงงานผลิตเม็ดพลาสติก จ.ระยอง เมื่อสายการผลิตสามารถทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพจะสามารถผลิตเม็ดพลาสติกในเชิงพาณิชย์ได้ประมาณ 100 วันต่อวันภายในต้นเดือนธันวาคม ปี 2558 ซึ่ง IEC วางแผนที่จะผลิตเต็มรูปแบบ 16 สายการผลิตคิดเป็นกำลังการผลิตรวม 300 ตันต่อวันภายในไตรมาสที่ 2 ปี 2559
ที่ผ่านมา IEC ได้วางแผนเพื่อส่งขายเม็ดพลาสติกภายในประเทศรวมถึงการส่งออกให้กับบริษัทในประเทศมาเลเซีย ฮ่องกง ญี่ปุ่น และจีน ซึ่งทางบริษัทเหล่านี้มีความต้องการที่จะรับซื้อเม็ดพลาสติกของ IEC ในปริมาณมาก
ทั้งนี้โรงงานเม็ดพลาสติกของ IEC ที่จังหวัดระยอง เมื่อดำเนินการผลิตได้อย่างเต็มประสิทธิภาพจะเป็นผู้ผลิตเม็ดพลาสติกรายใหญ่รายหนึ่งในเอเชีย ดังนั้น IEC มีความเชื่อมั่นว่าโครงการต่างๆที่ IEC ลงทุนไปในไตรมาสที่ผ่านมาจะส่งผลบริษัทมีผลมีกำไรในปี 2558 และสามารถจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้
16/11/2558
ที่มา:นักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง