แสนสิริสรุปผลงานปี 58 ยอดขายโต 222% คาดรายได้พุ่ง 38,000 ลบ. เผยแผนธุรกิจปี 2559 เปิดตัวโครงการใหม่เพิ่ม 128% เน้นตลาดไฮเอนด์ – เตรียมเปิดตลาดใหม่ในจีน

พฤหัส ๒๑ มกราคม ๒๐๑๖ ๑๔:๓๖
แสนสิริสรุปผลการดำเนินงานปี 2558 มียอดขายกว่า 28,512 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 222% จากปีก่อน ขณะที่คาดการณ์รายได้พุ่งทะลุ 38,000 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ประสบความสำเร็จกับการพัฒนาคอนโดมิเนียมภายใต้บริษัทร่วมทุนกับบีทีเอส (BTS) sold-out ทุกคอนโดมิเนียมที่เปิดขาย สร้างยอดขายต่างชาติทะลุเกินเป้าที่วางไว้ เผยแผนธุรกิจปี 2559 เดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่ 21 โครงการ มูลค่า 50,500 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 128% เน้นตลาดไฮเอนด์ – ลุยต่อตลาดต่างประเทศ โดยเตรียมแผนเปิดตลาดใหม่ในจีน และไฮไลท์เปิดตัว Flagship Project คอนโดพร้อมอยู่บนถ.วิทยุ วางเป้ายอดขาย 42,000 ล้านบาท โตกว่าปีก่อน 50% ตั้งเป้ารายได้ปี59 ประมาณ 36,000 ล้านบาท

นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยถึงผลการดำเนินธุรกิจปี 2558 บริษัทมียอดขาย(พรีเซล) ประมาณ 28,512 ล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 222% จากปีก่อน ที่มียอดขาย 8,800 ล้านบาท จากความสำเร็จทั้งจากการร่วมทุนกับบีทีเอส (BTS) ตามแผนความร่วมมือในระยะ 5 ปีที่แสนสิริและกลุ่มบีทีเอสมีแผนพัฒนาคอนโดมิเนียมในแนวเส้นทางระบบขนส่งมวลชนภายใต้บริษัทร่วมทุนจำนวน 25 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 1 แสนล้านในช่วง 5 ปีแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ 2 องค์กรที่มีความพร้อมและเสริมสร้างความแข็งแกร่งซึ่งกันและกัน ด้วยความสำเร็จจากการขายคอนโดมิเนียมหมดอย่างรวดเร็วในวันเดียวทุกโครงการที่เปิดในปีที่ผ่านมา ทั้งโครงการ เดอะ โมนูเมนต์ สนามเป้า และ โครงการภายใต้บริษัทร่วมทุนกับบีทีเอส (BTS) ในแบรนด์ "เดอะ ไลน์" ทั้ง 3 โครงการ ได้แก่ เดอะ ไลน์ จตุจักร-หมอชิต, เดอะ ไลน์ สุขุมวิท 71 และ เดอะ ไลน์ ราชเทวี รวมทั้งการที่ลูกค้าให้การตอบรับโครงการที่อยู่อาศัยพร้อมอยู่ (Ready to Move in) เป็นอย่างดีต่อเนื่องทำให้รับรู้รายได้ทันทีในปีที่ผ่านมา

ขณะที่บริษัทคาดว่าจะมีรายได้รวมในปี 2558 ประมาณ 38,000 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่แสนสิริเคยทำได้ โดยแบ่งเป็นรายได้จากการขายรวมกับการที่บริษัทเริ่มมีรายได้จากการบริหารโครงการภายใต้บริษัทร่วมทุนกับบีทีเอส ซึ่งนับเป็นปีที่ดีที่สุดของแสนสิริ ทั้งนี้รายได้ที่ดีในปีที่ผ่านมาเติบโตโดดเด่นจากการทยอยรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมที่ทยอยโอนทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมถึงความสำเร็จจากการเปิดการขายโครงการแนวราบต่างๆ อาทิ โครงการเศรษฐสิริ จรัญฯ-ปิ่นเกล้า, เศรษฐสิริ กรุงเทพกรีฑาและฮาบิเทีย โมทีฟ เป็นต้น

นอกจากนี้บริษัทยังประสบความสำเร็จจากการเปิดตลาดต่างชาติที่ได้รับการตอบรับอย่างดี จากเดิมที่มีสัดส่วนค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับยอดขายรวมในแต่ละปี เกิดจากแผนการรุกตลาดต่างชาติที่บริษัทเริ่มดำเนินการอย่างจริงจังในเรื่องของการทำการตลาดมาอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา อาทิ การตั้งทีมInternational Marketing ที่ทำหน้าที่ดูแลตลาดต่างชาติโดยเฉพาะ การแสวงหาตลาดด้วยการจับมือกับพันธมิตรเอเจนท์ต่างชาติต่างๆ รวมทั้งการออกโรดโชว์ในต่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีการพาตัวแทนเอเจนท์ต่างชาติเข้าเยี่ยมชมโครงการต่างๆ ของแสนสิริ การทำกิจกรรมโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านทางสื่อต่างประเทศ และกิจกรรมที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนหอการค้าต่างประเทศต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ในปีที่ผ่านมา บริษัทสามารถทำยอดขายจากตลาดต่างชาติได้ถึง 3,500 ล้านบาท สูงกว่าปี 2557 ถึง 135% โดยสัดส่วนลูกค้าต่างชาติส่วนใหญ่เป็นชาวเอเชีย 83% (ญี่ปุ่น, ฮ่องกง, สิงคโปร์, มาเลเซีย, จีนและไต้หวัน) ยุโรป (รัสเซีย, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมัน, ออสเตรเลีย, เนเธอร์แลนด์และอิตาลี เป็นต้น) 11% อเมริกา 4 % และอื่นๆ สำหรับโครงการที่ขายดีสำหรับต่างชาติ คือ เดอะ ไลน์ สุขุมวิท 71 มีสัดส่วนยอดขายลูกค้าต่างชาติประมาณ 48% และเดอะไลน์ จตุจักร – หมอชิต 15%, ซึ่งความสำเร็จดังกล่าวสอดคล้องและเป็นไปตามแผนงาน "การสร้างพื้นฐานที่มั่นคง เพื่อเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถให้ แสนสิริ เจริญเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว" ทั้งการมองหาการดำเนินธุรกิจในรูปแบบใหม่ และแสวงหาตลาดใหม่ๆ เพื่อสนับสนุนการเจริญเติบโตของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ดังที่ได้เคยกล่าวไว้

"สำหรับปี 2559 นับเป็นความท้าทายของแสนสิริในการสร้างยอดขายและรักษาผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุนในสภาวะทิศทางเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจในประเทศที่ทรงตัว โดยบริษัทได้วางแผนการดำเนินธุรกิจ ด้วยการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อตอบรับความต้องการที่อยู่อาศัยของกลุ่มลูกค้าทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมถึงกลุ่มลูกค้าต่างชาติ โดยวางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในปีนี้ 21 โครงการ มูลค่า 50,500 ล้านบาท โดยมูลค่าโครงการที่เปิดในปีนี้สูงขึ้นกว่าปีก่อน 128% แบ่งเป็นมูลค่าโครงการในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑลและต่างจังหวัดในสัดส่วน 92% : 8% โดยโครงการในต่างจังหวัดจะเป็นโครงการที่มีการพัฒนาในเฟสต่อเนื่องและพัฒนาจากที่ดินที่แสนสิริเคยซื้อไว้เดิม ทั้งนี้บริษัทได้แบ่งประเภทการพัฒนาโครงการเป็นที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียม 11 โครงการ โครงการบ้านเดี่ยว 7 โครงการและโครงการทาวน์เฮาส์ 3 โครงการ ทั้งนี้ หากดูตามเซกเมนต์หรือระดับราคาจากแผนเปิดตัวโครงการในปีนี้จะอยู่ในระดับ medium–end และ hi–end เป็นส่วนใหญ่ อาทิ คอนโดมิเนียมระดับราคาต่ำกว่า 100,000 บาทต่อตารางเมตรประมาณ 14% คอนโดมิเนียมระดับราคา 100,000 – 200,000 ประมาณ 34% และคอนโดมิเนียมระดับราคามากกว่า 200,000 บาทต่อตารางเมตร ประมาณถึง 52%, บ้านเดี่ยวระดับราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาท 13%, บ้านเดี่ยวระดับราคา 5.1 – 10 ล้านบาทถึง 56% และบ้านเดี่ยวระดับราคา 10.1 ล้านบาท 32% และทาวน์เฮาส์ ระดับราคา 3.1 – 7 ล้านบาท 67% และมากกว่า 7 ล้านบาท 14% โดยบริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายรวมสำหรับปี 2559 ไว้ประมาณ 42,000 ล้านบาท เติบโตจากปี 58 ซึ่งได้ยอดขาย 28,512 ล้านบาทประมาณ 50% รวมทั้งประมาณการณ์รายรวมได้ไว้ที่ 36,000 ล้านบาท" นายเศรษฐา กล่าว

แนวทางการพัฒนาโครงการในปี 2559 บริษัทจะมีทั้งการต่อยอดความสำเร็จจากปีที่ผ่านมาในเชิงลึกในจุดเด่นที่บริษัททำได้ดี ทั้งในเรื่องแรก คือการตอกย้ำความเป็นเจ้าตลาดคอนโดมิเนียมระดับบนที่บริษัทมองว่ายังมีโอกาส รวมทั้งการปูพื้นฐานความน่าเชื่อถือและความเป็นแบรนด์สากลระดับโลกกับกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ โดยการสานต่อความสำเร็จของโครงการภายใต้บริษัทร่วมทุนกับบีทีเอส ด้วยการเปิดตัวโครงการใหม่ต่อเนื่องอีกจำนวน 6 โครงการ มูลค่ากว่า 23,000 ล้านบาท

2. บริษัทจะมีการบริหารแบรนด์ที่อยู่อาศัยภายใต้แบรนด์แสนสิริอย่างมีประสิทธิภาพ อันเป็นผลมาจากการที่บริษัทได้ศึกษาแบรนด์ portfolio ของตัวเองใน 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยจะใช้ศักยภาพของตัวโครงการเองในการสร้างความน่าสนใจให้กับผู้บริโภค ซึ่งจะส่งผลให้ไม่มีความจำเป็นในการเปิดแบรนด์ใหม่ ยกตัวอย่างเช่น ความสำเร็จจากการเปิดตัวโครงการใหม่ภายใต้แบรนด์ เดอะ ไลน์ ทั้ง 3 โครงการที่ผ่านมาในช่วงปีเดียว ที่ทำให้บริษัทสามารถปรับลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ต้องใช้ในการสร้างแบรนด์ใหม่ได้อย่างดี

3. บริษัทจะมีการเปิดตัวโครงการระดับไฮเอนด์ในสัดส่วนที่มากขึ้นในปีนี้ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมเพื่อรองรับความต้องการคอนโดมิเนียมในระดับพรีเมี่ยมของกลุ่มลูกค้าระดับบน ซึ่งมีความต้องการซื้อทั้งเพื่ออยู่อาศัยเอง ลงทุนหรือเก็บเป็นสินทรัพย์

4. การเปิดตัวโครงการระดับไฮเอนด์ในสัดส่วนที่มากขึ้นนี้จะสอดคล้องกับการรุกทำการตลาดเจาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้จะมีการเปิดตลาดในจีนแผ่นดินใหญ่เพิ่มเติมจากที่บริษัทได้เริ่มต้นและประสบความสำเร็จในภูมิภาคใกล้เคียงมาแล้วอย่างในฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน ซึ่งบริษัทเชื่อมั่นว่าตลาดระดับบนยังคงมีความต้องการและแข่งขันได้ โดยจะมีการทำการตลาดในระดับ International เพื่อสร้างแบรนด์อย่างยั่งยืน รวมทั้งโปรโมทโครงการระดับบนแก่ลูกค้าต่างชาติและลูกค้าไทยระดับบนอย่างต่อเนื่องจากที่เริ่มทำมาแล้วในปีที่ผ่านมา นอกเหนือจากนั้น จากการที่บริษัทพยายามจับกลุ่มลูกค้าในตลาดต่างชาติมากขึ้น การทำ Collaboration กับแบรนด์ระดับโลก เพื่อยกระดับแบรนด์แสนสิริให้เข้าสู่ระดับ International มากยิ่งขึ้นก็มีความสำคัญมากเช่นกัน เพราะถึงแม้แบรนด์แสนสิริจะแข็งแกร่งมากในกลุ่มผู้บริโภคในประเทศ แต่ต้องยอมรับว่าในระดับต่างประเทศ แสนสิริจะได้เปรียบมากยิ่งขึ้น หากเลือกจับมือกับพันธมิตรระดับโลกที่เหมาะกับแบรนด์แสนสิริในเรื่องต่างๆ อันจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคต่างชาติเช่นกัน ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายตลาดต่างชาติในปีนี้ประมาณ 5,000 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมาซึ่งมียอดขาย 3,500 ล้านบาท

5. และในไฮไลท์ที่ทุกคนรอคอยมาหลายปี ในปีนี้ แสนสิริยังเตรียมเปิดตัว flagship project ของแสนสิริบนถนนวิทยุ ซึ่งจะเป็นโครงการที่พรีเมี่ยมที่สุดและราคาต่อตารางเมตรสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยเป็นคอนโดสร้างเสร็จพร้อมอยู่ ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้ในทันที" นายเศรษฐา กล่าวปิดท้าย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:

ภิญญาพัชญ์ ห่วงนาค / ดวงพร โชติพรไพศาล

โทร. 02-201-3536/ 02-201-3768

อีเมล [email protected]/ [email protected]

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ