นายพระนาย กังวาลรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เพาเวอร์ โซลูชั่น เทคโนโลยี หรือ PSTC ผู้ออกแบบ จำหน่ายและติดตั้งระบบจ่ายไฟฟ้าและตรวจวัดจัดการสภาพแวดล้อม รวมถึงผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานทางเลือกที่ครอบคลุมทั้งพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานชีวภาพ พลังงานชีวมวล พลังงานลม และพลังงานขยะ เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ทำหนังสือแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้แก่ บริษัท เอ็ม.วี.ที. คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ได้ทำการซื้อหุ้นบิ๊กล็อตจำนวน 100 ล้านหุ้นในราคา 0.55 บาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงกว่าการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ จากนางชุตินันท์ กิจสำเร็จ กรรมการบริษัทฯ
นอกจากนี้ ได้เข้าซื้อหุ้นในกระดานหลักทรัพย์ เพื่อเพิ่มสัดส่วนการถือครองหุ้นในบริษัท เพาวเวอร์ โซลูชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ให้ได้เกือบ 20% จากทุนจดทะเบียน 492,597,533.30 บาท จากเดิมที่ถือหุ้นในสัดส่วน 12.52% ของทุนจดทะเบียนทั้งหมด โดยการเข้าซื้อหุ้นบิ๊กล็อตและในกระดานหลักทรัพย์ฯ เพื่อเพิ่มสัดส่วนการถือครองหุ้นในครั้งนี้ เนื่องจาก บริษัท เอ็ม.วี.ที. คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งถือเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ใน PSTC มองเห็นศักยภาพการเติบโตของ PSTC ที่มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจพลังงานทางเลือกเพื่อผลักดันรายได้ให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง
ขณะเดียวกัน ทางผู้ถือหุ้นที่มีสัดส่วนครองหุ้น 20 อันดับแรกของ PSTC ยืนยันพร้อมใส่เงินเพิ่มทุนครบตามมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น1/2558 ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2558 ที่ผ่านมา ซึ่งที่ประชุมมีมติอนุมัติแผนเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 492,597,533.30 บาท จากเดิม224,567,750 บาท โดยออกหุ้นสามัญจำนวน 2,680,297,833 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.10 บาท รวมเป็นเงิน 268,029,783.30 ล้านบาท ซึ่งจะจัดสรรหุ้นสามัญจำนวนไม่เกิน 2,211,419,375 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.10 บาท ให้แก่กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม (Right Offering) ในสัดส่วน 1 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่ ในราคาเสนอขายหุ้นละ 0.40 บาท
ส่วนที่เหลือจะรองรับการแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิ PSTC-W1 จำนวนไม่เกิน 442,283,875 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.10 บาท ให้กับผู้ซื้อหุ้นเพิ่มทุนในอัตรา 5 หุ้นสามัญ ต่อ 1 หน่วยใบแสดงสำคัญสิทธิ ในราคา 0.50 บาทต่อหุ้น โดยคาดว่าจะได้รับเงินทั้งสิ้น 1,106 ล้านบาท รองรับแผนขยายการลงทุนรุกธุรกิจพลังงานทางเลือกเต็มสูบ
ด้านบทวิเคราะห์ของ บล.โนมูระ มีมุมมองต่อทิศทางดำเนินธุรกิจพลังงานทางเลือกของ PSTC ในช่วง 3 ปีข้างหน้าหรือระหว่างปี2559-2561 โดยคาดว่า PSTC จะสามารถทยอยจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์เข้าสู่ระบบ (COD) ได้ 11.7 เมกะวัตต์ในปี 2559 และเพิ่มเป็น 19.7 เมกะวัตต์ในปี 2560 ก่อนขยับเพิ่มเป็น 22.7 เมกะวัตต์ภายในปี 2561 จากปัจจุบัน ณ สิ้นปี 2558 PSTC สามารถ COD ได้แล้ว 5.2 เมกะวัตต์ ส่งผลให้แนวโน้มผลประกอบการในช่วง 3 ปีข้างหน้าจะมีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดด
ทั้งนี้ จากการประเมินมูลค่าพื้นฐานโครงการในอนาคต จึงแนะนำซื้อที่ราคาเป้าหมาย 0.63 บาทต่อหุ้น หลังราคาหุ้นที่ผ่านมาได้ปรับตัวลดลงตอบรับประเด็นเพิ่มทุนไปแล้ว จะทำให้ราคาหุ้นฟื้นตัวในช่วงถัดไปจากการนำเงินทุนไปต่อยอดธุรกิจให้เติบโตได้ในระยะยาว
นอกจากนี้ จากการที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในประกาศราชกิจจานุเบกษา ฉบับวันที่ 20 มกราคม 2559 ใช้มาตรา 44 ให้ยกเว้นกฎหมายผังเมืองรวม สำหรับการประกอบกิจการพลังงานทางเลือก จะส่งผลให้ PSTC มีโอกาสชนะการประมูล PPA เพิ่มจาก 3 โครงการในอนาคต ได้แก่ 1.โครงการพลังงานชีวมวลและชีวภาพจำนวน 46 เมกะวัตต์ ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดย PSTC จะยื่นเอกสารประมูล 5เมกะวัตต์ สำหรับโรงไฟฟ้าชีวภาพและ 16 เมกะวัตต์ สำหรับโรงไฟฟ้าชีวมวล 2. โครงการ Solar Farm หน่วยราชการ 600 เมกะวัตต์ หลังผ่านการคัดเลือกเป็นผู้มีคุณสมบัติให้เข้าร่วมแล้ว 3 โครงการ 13.5 เมกะวัตต์ และมีโอกาสได้รับการพิจารณาเพิ่มอีก 7 โครงการ 35 เมกะวัตต์ และโครงการสุดท้าย เป็นโครงการพลังงานชีวมวลในช่วงครึ่งปีหลัง 2559 ที่เตรียมเปิดประมูลอีก 300 เมกะวัตต์ โดย PSTC จะเข้าประมูลเพิ่มอีกราว20 เมกะวัตต์