นายอดิศร ธนนันท์นราพูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยถึงฐานะการเงินของบริษัทฯ ณ สิ้นปี 2558 ว่าบริษัทฯ และบริษัทย่อยมีหนี้เงินกู้สุทธิจำนวน 31,000 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ประมาณ 65%
ในปี 2558 ที่ผ่านมาบริษัทฯ มีรายจ่ายด้านการลงทุนประมาณ 7,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาเป็นโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขายจำนวน 4,000 ล้านบาท และ การลงทุนด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการให้เช่าอีกจำนวน 3,000 ล้านบาท โดยเป็นการลงทุนซื้ออพาร์ตเมนท์ในประเทศสหรัฐอเมริกา จำนวน 2,500 ล้านบาท และการลงทุนภายในประเทศอีก 500 ล้านบาท
ในรอบปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ขายอพาร์ตเมนท์ 1 แห่งในประเทศสหรัฐอเมริกา ในราคา 18 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยบริษัทฯ ได้เข้าซื้อลงทุนในโครงการดังกล่าวเมื่อปี 2555 ในราคา 12 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ในช่วงปลายเดือนธันวาคม 2558 บริษัทย่อยที่บริษัทฯถือหุ้นร้อยละ 60 (บริษัท แอล แอนด์ เอช พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด) ก็ได้นำโรงแรมแกรนด์ เซ็นเตอร์ พอยท์ เทอร์มินอล 21 มาจัดตั้งเป็นกองทรัสต์เพื่อการลงทุน (REIT) โดยได้รับเงินทั้งสิ้นจำนวน 3,825 ล้านบาท
สำหรับปี 2559 นั้น บริษัทฯ ได้เตรียมงบลงทุนทั้งสิ้นประมาณ 14,000 ล้านบาท ประกอบด้วยงบสำหรับการซื้อที่ดินประมาณ 7,000 ล้านบาท และงบลงทุนด้านการพัฒนาหรือซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อการให้เช่าอีก 7,000 ล้านบาท
ในส่วนของการระดมทุนนั้น บริษัทฯ มีแผนที่จะออกหุ้นกู้จำนวนประมาณ 12,000 ล้านบาท โดยคาดว่า ณ สิ้นปี 2559 บริษัทฯ จะมีอัตราหนี้สินสุทธิต่อทุนอยู่ที่ระดับไม่เกิน 80%
นายนพร สุนทรจิตต์เจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ได้เปิดเผยภาวะตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2558 ที่ผ่านมา โดยสรุปดังนี้
ภาวะตลาดที่อยู่อาศัยปี 2558
ตลาดที่อยู่อาศัยโดยรวมในปี 2558 จากตัวเลขโดยรวมของบ้านจดทะเบียนเพิ่มเฉพาะประเภทจัดสรร ตั้งแต่ ม.ค.- พ.ย. 2558 ยอดบ้านจดทะเบียนเพิ่มประเภทจัดสรรมีจำนวนรวมทั้งหมด 90,385 หน่วย ลดลง 7.1% เมื่อเทียบกับช่วงเวลา 11 เดือนของปี 57 (มีจำนวน 97,246 หน่วย) หากประมาณการบ้านจดทะเบียนเพิ่มเฉพาะที่จัดสรรที่เกิดขึ้นทั้งปี 2558 จะมีจำนวนรวมประมาณ 100,250 หน่วย ลดลง 7.7% เมื่อเทียบกับทั้งปี 2557 (มีจำนวนทั้งสิ้น 108,583 หน่วย)
ในช่วง 11 เดือนของปี 2558 และประมาณการทั้งปี 58 บ้านจดทะเบียนเพิ่ม เฉพาะประเภทจัดสรร เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปี 2557 จำแนกตามประเภทที่อยู่อาศัย มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญดังนี้
· ประเภทบ้านเดี่ยว ในช่วง 11 เดือนแรก มีจำนวนรวม 11,889 หน่วย ลดลง 0.7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 57 (มีจำนวน 11,975 หน่วย) ประมาณการรวมทั้งปี 58 มีจำนวน 13,300 หน่วย ลดลง 1.1% เมื่อเทียบกับปี 57 ทั้งปี (มีจำนวนรวม 13,443 หน่วย)
· ประเภทบ้านแฝด ในช่วง 11 เดือนแรก มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 1,970 หน่วย ลดลง 26.1% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 57 (มีจำนวน 2,667 หน่วย) ประมาณการรวมทั้งปี 58 มีจำนวน 2,150 หน่วย ลดลง 22.6% เมื่อเทียบกับปี 57 ทั้งปี (มีจำนวนรวม 2,776 หน่วย)
· ประเภททาวน์เฮ้าส์และอาคารพาณิชย์ ในช่วง 11 เดือนแรก มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 17,443 หน่วย เพิ่มขึ้น 11.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 57 (มีจำนวน 15,653 หน่วย) ประมาณการรวมทั้งปี 58 มีจำนวน 19,200 หน่วย เพิ่มขึ้น 10.9% เมื่อเทียบกับปี 57 ทั้งปี (มีจำนวนรวม 17,306 หน่วย)
· ประเภทคอนโดมิเนียม ในช่วง 11 เดือนแรก มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 59,083 หน่วย ลดลง 11.8% เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันของปี 57 (มีจำนวน 66,951 หน่วย) ประมาณการรวมทั้งปี 58 มีจำนวนรวม 65,600 หน่วย ลดลง 12.6% เมื่อเทียบกับปี 57 ทั้งปี มีจำนวนรวม 75,058 หน่วย)
ในปี 2558 ณ ต้นปี บริษัทฯ มีจำนวนโครงการที่เปิดดำเนินการ จำนวนทั้งรวมสิ้น 67 โครงการ เป็นโครงการในกทม. และปริมณฑล 43 โครงการ ต่างจังหวัด 24 โครงการ รวมโครงการที่เปิดใหม่ ระหว่างปี 9 โครงการ รวมโครงการที่เปิดดำเนินการในปี 58 มีจำนวนทั้งหมด 76 โครงการ สำหรับโครงการที่เปิดใหม่ 9 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 26,940 ล้านบาท
จำแนกเป็น
· โครงการบ้านเดี่ยว 7 โครงการ
· โครงการทาวน์โฮม 2 โครงการ
ส่วนแบ่งการตลาด (Market Share) ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ยอดรวมสะสมตั้งแต่ ม.ค. – พ.ย. 58 แบ่งจำแนกตามประเภทที่อยู่อาศัย เป็นดังนี้
· ตลาดบ้านเดี่ยว บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดเท่ากับ 16.3%
· ตลาดทาวน์เฮ้าส์ บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดเท่ากับ 1.8%
· ตลาดคอนโดมิเนียม บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดเท่ากับ 2.1%
แผนการดำเนินงานของบริษัทในปี 2559
ณ ต้นปี 2559 บริษัทฯมีโครงการที่เปิดดำเนินการอยู่ทั้งสิ้น 68 โครงการ โดยเป็นโครงการในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล 43 โครงการ และต่างจังหวัด 25 โครงการ และในปี 2559 นี้ บริษัทมีแผนการดำเนินงานเปิดโครงการใหม่ 14 โครงการ มูลค่ารวมทั้งหมด 23,500 ล้านบาท แบ่งแยกเป็นโครงการในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล 9 โครงการ และต่างจังหวัด 5 โครงการ ทั้งนี้หากแบ่งตามประเภทของที่อยู่อาศัยได้ดังนี้
· โครงการบ้านเดี่ยว 9 โครงการ
· โครงการทาวน์เฮ้าส์ 3 โครงการ (บ้านแฝด 1 โครงการ)
· คอนโดมิเนียม 5 โครงการ
หมายเหตุ มีโครงการที่มีสินค้าประเภทบ้านเดี่ยว และทาวน์โฮม อยู่ในโครงการเดียวกัน 3 โครงการคือ Villaggio
รวมจำนวนโครงการที่เปิดดำเนินการทั้งสิ้นในปี 2559 ทั้งหมด 82 โครงการ
เป้าหมายยอดขายในปี 2559 บริษัทตั้งเป้ายอดขาย (Booking) รวม 28,000 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 13.4% เทียบกับยอดขาย (Booking) รวมปี 2558 โดยมีราคาเฉลี่ยต่อยูนิต 7.1 ล้านบาท (ปี 58 ราคาเฉลี่ยต่อยูนิต 7.0 ล้านบาท)
อนึ่งหากพิจารณาสัดส่วนของยอดขาย (พิจารณาตามมูลค่า) ของปี 2559 จำแนกตามประเภทที่อยู่อาศัย จะมีสัดส่วน ดังนี้
· บ้านเดี่ยว 68% , ทาวน์เฮ้าส์ 7% , คอนโดมิเนียม 25%
ในส่วนของแผนการลงทุนในการซื้อที่ดินเพื่อรองรับการขยายตัวในอนาคต ในทำเลต่างๆ ในเขตกรุงเทพฯปริมณฑล และต่างจังหวัด งบประมาณรวม 7,000 ล้านบาท ทั้งนี้การพิจารณาซื้อที่ดิน บริษัทจะพิจารณาทำเลที่สามารถนำมาพัฒนาโครงการได้ทันทีและมีศักยภาพที่ดี