บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด เผยแผนการลงทุน และปรับโครงสร้าง ผู้ถือหุ้นเพิ่มความคล่องตัวด้านการแข่งขันในตลาดคอนซูเมอร์ ลงทุนกว่า 2,500 ล้านบาท สร้างโรงงาน โกดังจัดเก็บสินค้า ศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตและขยายไลน์การผลิต สินค้าใหม่ ทั้งในกลุ่มสินค้าของใช้ส่วนตัว (Personal Care) และผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือน (Household Products) ตั้งเป้ารายรับ 8,000 – 10,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปี หรือเทียบเท่าอัตราการเติบโต 100 เปอร์เซนต์ จากปี 2558
นายสุทธิเดช ถกลศรี ประธานกรรมการและประธานบริหาร บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด กล่าวว่า
ในปี 2559 บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตทั้งในประเทศ และขยายฐานการตลาดต่างประเทศที่ 30 เปอร์เซนต์โดยในประเทศบริษัทฯ มุ่งมั่นจะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในทุก ๆ เซกเมนท์ที่มีผลิตภัณฑ์ จำหน่ายอยู่ ขณะเดียวกันก็เดินหน้าเจาะตลาดใหม่ ๆ ในต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันตลาดหลัก ในต่างประเทศ คือ กัมพูชา ลาว มาเลเซีย และเวียดนาม และเริ่มมีการเจาะตลาดเข้าไปในกลุ่มตะวันออกกลาง เช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรต บาห์เรน อิรัก และประเทศในแถบเอเชีย เช่น ฟิลิปปินส์ บรูไน มัลดีฟ และ ปากีสถาน เป็นต้น โดยมีไฟน์ไลน์ ดีนี่ และบีไนซ์ เป็นสินค้าท็อปแบรนด์ในตลาดต่างประเทศ
"ในเม็ดเงินลงทุน 2,500 ล้านบาทนั้น บริษัทได้วางแผนการลงทุนในส่วนของศูนย์วิจัย และพัฒนา ผลิตภัณฑ์ประมาณ 300 ล้านบาท ในขณะเดียวกันก็เตรียมก่อสร้างโรงงานผลิต แห่งใหม่เพื่อรองรับ ปริมาณการผลิตที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เรามีเป้าหมายที่จะเพิ่มยอดขายประมาณ 8,000 –10,000 ล้านบาทภายในระยะเวลา 3 – 5 ปี หรือเติบโตเฉลี่ย 15 – 20 เปอร์เซนต์ต่อปี โดยในปี 2559 เรามีแผน จะวางตลาดสินค้าใหม่ ทั้งในกลุ่มเซกเมนต์ที่มีอยู่แล้ว และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ออกสู่ตลาดในเซกต์เมนต์ ใหม่ ๆ ครอบคลุมทั้งในกลุ่มของใช้ส่วนตัว และของใช้ในครัวเรือน" นายสุทธิเดช กล่าว
"เรามั่นใจว่าตลาดสินค้าคอนซูเมอร์จะยังเติบโตไปได้ด้วยดี ถึงแม้จะมีการชะลอตัวอยู่บ้างในปีที่ผ่านมา ในขณะเดียวกันเราก็มั่นใจในศักยภาพความพร้อมในการแข่งขันของเรา ไม่ว่าจะเป็นด้านการวิจัย และ พัฒนาผลิตภัณฑ์ ที่เราให้ความสำคัญเป็นอันดับ 1 เพราะเป็นหัวใจสำคัญของการผลิตสินค้าให้ได้คุณภาพ โดนใจผู้บริโภค โดยแต่ละปีเรามีการวิจัยหลากหลายรูปแบบรวมกันกว่า 100 ครั้ง
นอกจากนี้ เรายังมุ่ง พัฒนาเทคโนโลยี ทั้งในด้านวัตถุดิบ บรรจุภัณฑ์ และเทคโนโลยีการผลิต โดยมีการค้นคว้า พัฒนาร่วมกับ บริษัทคู่ค้าระดับโลกอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้สินค้าของเราได้คุณภาพ ตอบสนองต่อความต้องการของ ผู้บริโภคในทุก ๆ มิติ"
ในปี 2558 บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (ไบโอ คอนซูเมอร์) มียอดขายรวมทั้งหมด 5,100 ล้านบาท มีสัดส่วนหมวดสินค้าอยู่ที่กลุ่มของใช้ส่วนตัว 40 เปอร์เซนต์ และกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือนอยู่ที่ 60 เปอร์เซนต์
"ในปีที่ผ่านมาเราได้ลงทุนสร้างโกดังจัดเก็บสินค้าใหม่ และเพิ่มช่องทางการกระจายสินค้าจากที่ บริษัทฯ ดูแลเองผ่าน Modern Trade และ Traditonal Trade โดยเพิ่มคู่ค้าแบบTrade Partner ช่วยกระจาย สินค้าให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ปีนี้เราตั้งเป้าเพิ่ม Trade Partner อีก 100 เปอร์เซนต์ ปัจจุบันเรากระจายสินค้าได้ครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 60เปอร์เซนต์ ของประเทศ โดยตั้งเป้าสัดส่วน การจัดจำหน่าย สินค้าที่ Modern Trade 54 เปอร์เซนต์Traditional Trade 38 เปอร์เซนต์ และส่งออก 8 เปอร์เซนต์" นายสุทธิเดช เสริม
"การเปิดตลาดต่างประเทศและการเปิด AEC ทำให้เรามองเห็นโอกาสใหม่ ๆ ในการขยายธุรกิจ เราสามารถนำสินค้าเข้าสู่ตลาดใหม่ ๆ ได้อย่างกว้างขวาง ขณะเดียวกันนโยบาย AEC ก็เปิดโอกาส ให้มีการแข่งขันในย่านนี้ที่สะดวกขึ้น แต่การที่จะเข้าแข่งขันในตลาดสินค้าคอนซูเมอร์ที่มีการแข่งขันสูง และเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เราต้องมีความพร้อม และศักยภาพในการปรับปรุงสินค้าตลอดเวลา วิสัยทัศน์ ในการทำธุรกิจ เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง ในการนำพาบริษัทให้พร้อมในการแข่งขัน"
"การมองเห็นโอกาส และช่องว่างจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ก่อนบริษัทอื่น ๆ ประกอบกับความสามารถ ในการพัฒนาสินค้า ให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างถูกต้อง ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้เราก้าวมายืนได้อย่างโดดเด่น ในกลุ่ม 10 อันดับแรก ของผู้ผลิตและ จัดจำหน่าย สินค้าอุปโภคชั้นนำในประเทศไทย ซึ่งเกือบทั้งหมด เป็นบริษัทข้ามชาติ" ประธานกรรมการและ ประธานบริหาร บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด สรุป