บลจ.กสิกรไทย คาดกนง. คงอัตราดอกเบี้ยที่1.50% ในการประชุมรอบแรกปี 59 พร้อมเสิร์ฟ 3 กองทุนบอนด์รวด ชูโอกาสรับผลตอบแทนสูงสุด 1.75% ต่อปี เปิดเสนอขาย 2-8 ก.พ.นี้

จันทร์ ๐๑ กุมภาพันธ์ ๒๐๑๖ ๑๕:๕๒
นายชัชชัย สฤษดิ์อภิรักษ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศประเภทกำหนดอายุโครงการอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกสัปดาห์ เพื่อตอบสนองผู้ลงทุนที่ต้องการล็อกผลตอบแทน รวมถึงลูกค้ากลุ่มเดิมที่มีกองทุนครบกำหนดอายุและยังต้องการลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้ต่อเนื่อง โดยในระหว่างวันที่ 2-8 กุมภาพันธ์ 2559 บลจ.กสิกรไทยจะเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน ซีเอ็ม (KEFF6MCM) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 1.75% ต่อปี กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน บีพี (KFF6MBP) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 1.65% ต่อปี และกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 3 เดือน เอ็น (KFF3MN) ประมาณการผลตอบแทนหลังหักค่าใช้จ่ายกองทุนที่ 1.60% ต่อปี โดยทั้ง 3 กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน และสำหรับผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี

นายชัชชัยกล่าวต่อไปว่า "สำหรับภาวะตลาดสารหนี้ไทย บลจ.กสิกรไทยคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) น่าจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.50% ในการประชุมรอบแรกของปี 2559 ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์นี้ เพื่อรอติดตามประเมินสถานการณ์เกี่ยวกับทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและความผันผวนของเงินทุนเคลื่อนย้ายที่คาดว่าจะมีมากขึ้น อันเนื่องมาจากผลกระทบที่จะได้รับจากประเด็นเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และทิศทางการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง แม้ว่าผลการประชุมของ FED ล่าสุดเมื่อวันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามที่ตลาดคาดการณ์ แต่ถ้อยแถลงการได้ระบุถึงความกังวลต่อสถานการณ์เศรษฐกิจโลก สะท้อนให้เห็นแนวโน้มที่ FED อาจมีความระมัดระวังต่อจังหวะการปรับขึ้นดอกเบี้ยมากขึ้นในระยะต่อไป ซึ่งหากการส่งสัญญาณในทิศทางดังกล่าวมีความชัดเจน จะช่วยให้ภาวะเงินทุนไหลออกจากตลาดเกิดใหม่รวมถึงไทยเบาบางลง อย่างไรก็ตาม สำหรับนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้ไม่มากนัก บลจ.กสิกรไทยแนะนำให้นักลงทุนเลือกลงทุนในตราสารหนี้ที่มีการกำหนดอายุโครงการประมาณ 3-6 เดือน เพื่อเป็นการล็อกผลตอบแทนและเพื่อรอประเมินสถานการณ์ในระยะต่อไป"

ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย ยังได้เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนต่อเนื่องให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้แบบที่มีกำหนดอายุโครงการ (Fixed Term Fund) ของบลจ.กสิกรไทย ซึ่งเมื่อกองทุนครบกำหนดอายุโครงการ บริษัทจัดการจะนำเงินค่าขายคืนอัตโนมัติไปซื้อหน่วยลงทุนที่ผู้ลงทุนเลือกได้กองทุนใดกองทุนหนึ่งใน 3 กองทุน คือ กองทุนเปิดเค ตลาดเงิน (K-MONEY) กองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) หรือกองทุนเปิดเค เอ็มพลัส (K-MPLUS) ซึ่งอยู่ในกลุ่มกองทุนรวมตราสารหนี้ ของบลจ.กสิกรไทย

นายชัชชัยกล่าวถึงรายละเอียดของกองทุนต่อไปว่า สำหรับตราสารหนี้ที่กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน บีพี (KFF6MBP) เบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในเงินฝาก Abu Dhabi Commercial Bank, ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, เงินฝาก Commercial Bank of Qatar, ประเทศกาตาร์, เงินฝาก Bank of China, เงินฝาก Agricultural Bank of China และเงินฝาก Union National Bank, ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ด้านกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 3 เดือน เอ็น (KFF3MN) เบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในเงินฝาก Abu Dhabi Commercial Bank, ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, เงินฝาก Commercial Bank of Qatar, ประเทศกาตาร์, เงินฝาก Bank of China และเงินฝาก Agricultural Bank of China เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังลงทุนเพิ่มเติมในเงินฝาก China Construction Bank Corporation โดยตราสารที่กล่าวมามีอันดับความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับที่สามารถลงทุนได้ (Investment Grade) และทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และเป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับนักลงทุนทั่วไปที่ยอมรับความเสี่ยงได้ต่ำ แต่ต้องการโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าการลงทุนกับตราสารหนี้ภายในประเทศเพียงอย่างเดียว โดยผู้ลงทุนสามารถลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท

นอกจากนี้บลจ.กสิกรไทย ยังขอแนะนำกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน ซีเอ็ม (KEFF6MCM) ซึ่งคาดว่าจะเข้าไปลงทุนในเงินฝาก Abu Dhabi Commercial Bank, ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, เงินฝาก Bank of China, เงินฝาก Agricultural Bank of China, เงินฝาก Commercial Bank of Qatar, ประเทศกาตาร์ และเงินฝาก PT Bank Danamon Indonesia Tbk, ประเทศอินโดนีเชีย โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และเป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มีสินทรัพย์ในการลงทุนสูงและสามารถยอมรับความเสี่ยงได้มากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน โดยผู้ลงทุนต้องลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำ 1,000,000 บาท

สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนกับกองทุน KEFF6MCM กองทุน KFF6MBP และกองทุน KFF3MN สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและขอรับหนังสือชี้ชวนเสนอขายได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือสอบถาม KAsset Contact Center 0 2673 3888 หรือที่ www.kasikornasset.com

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ