บลจ.วรรณรุกนโยบายลงทุนในรูปแบบเฉพาะ Thematic

พุธ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๐๑๖ ๑๖:๐๕
บลจ.วรรณ รุกนโยบายลงทุนในรูปแบบเฉพาะ Thematic รองรับความต้องการลูกค้าตามระดับสากล พร้อมเปิดเสนอขายอีก 2 กองทุนใหม่เดือนหน้า เผยภาพตลาดหุ้นไทยยังน่าสนใจ จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐบาล มองแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบันและรายย่อยในประเทศเป็นผู้เล่นหลักของปีนี้

ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตของมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ (AUM) ของปีนี้ เพิ่มขึ้นเป็น 93,000 ล้านบาท จากสิ้นปี 2558 ที่ระดับ 82,158.04 ล้านบาท โดยบริษัทมีแผนเชิงรุกที่จะเน้นเสนอขายกองทุนที่มีการลงทุนรูปแบบเฉพาะ (Thematic) เพื่อให้มีความเหมาะสมกับธีมการลงทุนของระดับสากลที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอด ซึ่งจะสามารถยกมาตรฐานอุตสาหกรรมกองทุนรวมในประเทศไทยได้ อาทิ กองทุนที่มีนโยบายลงทุนในบริษัทที่มีธรรมธิบาลโดยเฉพาะ กองทุนที่มีนโยบายลงทุนเฉพาะในอุตสาหกรรมโรงพยาบาล โดยคาดว่าจะสามารถเปิดเสนอขายกองทุนในลักษณะดังกล่าวได้ในช่วงกลางเดือนมีนาคมนี้

"AUM ของบริษัทในปีที่ผ่านมาปรับตัวลดลงเล็กน้อยประมาณ 6% โดยเป็นการปรับตัวลงตามทิศทางการลงทุนของตลาดหุ้นทั่วโลกที่ลดลงมากกว่า 10% และบริษัทได้เพิ่มความระมัดระวังในการเสนอขายกองทุนตราสารหนี้มากขึ้น เนื่องจากปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจโลกค่อนข้างซบเซา ประกอบกับ บริษัทได้ปิดกองทุนอสังหาริมทรัพย์ประเภทกอง 2 กอง 3 และ กอง 4 ลง ซึ่งเป็นการปิดกองตามกฎระเบียบ ก.ล.ต. อีกทั้งในปี 58 AUM ของกองทุนส่วนบุคคลมีการปรับลดลง เนื่องจากลูกค้ามีการย้ายพอร์ตการบริหารจากกองทุนตราสารหนี้มายังกองทุนย่อยตราสารทุน ซึ่งปัจจุบันนี้บริษัทก็ได้รับการแต่งตั้งให้บริหารกองทุนย่อยตราสารทุนจากลูกค้ารายเดิมเป็นที่เรียบร้อย อย่างไรก็ดี เฉพาะเดือนม.ค. ที่ผ่านมา บริษัทมีอัตราการเติบโตของ AUM เพิ่มขึ้นทั้งในส่วนของกองทุนส่วนบุคคล กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และกองทุนรวม ในสัดส่วน 32% 14% และ 54% จากเดิม 29% 12% 59% ตามลำดับ ซึ่งบริษัทเชื่อมั่นว่าทั้งปีสัดส่วนการเติบโตของ AUM จะเป็นไปตามเป้าหมาย อีกทั้งในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทจะเร่งผลักดันกองทุนที่อยู่ภายใต้การบริหารไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ ได้แก่ กองทุน ONE-STOXXASEAN เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์(SGX) ซึ่งจะเป็นกองทุนรวมแรกของประเทศไทย" ดร.วิน กล่าว

ดร.วิน กล่าวเพิ่มเติมว่า ปีนี้บริษัทจะเน้นขยายธุรกิจให้เติบโตในลักษณะสมดุลกัน ทั้งธุรกิจกองทุนรวม กองทุนส่วนบุคคล กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และ กองทุนอสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐาน และบริษัทตั้งเป้าจะขยายฐานลูกค้าใหม่ในส่วนของลูกค้ากองทุนส่วนบุคคลและกองทุนสำรองเลี้ยงผ่านโปรแกรมลูกค้าเก่าแนะนำลูกค้าใหม่( Referral Program) ผ่านกิจกรรมสนับสนุนการขายต่างๆ ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนงานเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทกับนักลงทุน

ด้านนายมณฑล จุนชยะ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า ภาพการลงทุนในปีนี้ ตลาดหุ้นทั่วโลกมีโอกาสผันผวนในระยะสั้น จากผลกระทบจากเศรษฐกิจจีนและราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง ขณะที่ระยะกลางถึงยาว บริษัทคงมุมมองเชิงบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะเป็นไปในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป และยังมีปัจจัยบวกจากมาตรการผ่อนคลายนโยบายการเงินเชิงปริมาณของธนาคารกลางจากประเทศเศรษฐกิจหลัก ซึ่งสนับสนุนการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง โดยตลาดหุ้นต่างประเทศที่บริษัทมองว่าน่าสนใจ ได้แก่ ตลาดหุ้นญี่ปุ่นและยุโรป เนื่องจากมูลค่าหุ้นที่อยู่ในระดับไม่สูงมากนัก และปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ยังทรงตัวได้ดีและโอกาสของสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้นจากการผ่อนคลายนโยบายการเงินเชิงปริมาณ ขณะที่ตลาดหุ้นประเทศสหรัฐ บริษัทมองว่า ภาพการลงทุนในปีนี้ โอกาสปรับตัวขึ้นจะเป็นภายใต้ขอบเขตที่จำกัดกว่าหากเทียบกับประเทศญี่ปุ่นและยุโรป เนื่องจากมูลค่าหุ้นที่สูงกว่าและผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ

สำหรับภาพการลงทุนในตลาดหุ้นไทย บริษัทตั้งเป้าดัชนีปี 2559 ที่ระดับ 1,488 จุด โดยมองว่าตลาดหุ้นไทยในปีนี้แรงซื้อที่สำคัญจะมาจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยในประเทศเป็นหลัก เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุนได้ โดยในระยะปานกลางถึงยาว บริษัทประเมินว่าตลาดหุ้นไทยจะมีแรงซื้อกลับจากนักลงทุนต่างชาติ ด้วยสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจของตลาดหุ้นทั่วโลกที่ยังมีอยู่มาก ประกอบกับ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศจะเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนหันกลับมาสนใจในตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง และ ณ ระดับดัชนี 1,300 จุด ซึ่งมีค่า P/E ที่ 13.09 เท่า ขณะที่คาดการณ์แนวโน้มการเติบโตของกำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ 25.15% และอัตราการจ่ายปันผลของหุ้นไทยที่ระดับ 3.55% ตลาดหุ้นไทยยังมีความน่าสนใจลงทุนมากกว่า เมื่อเทียบกับตลาดภูมิภาคในกลุ่ม TIP (อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์) ซึ่งคาดว่าอยู่ที่ระดับ14.01 เท่า 85.56% 2.22% และ 16.34 เท่า 17.29% 2.11% ตามลำดับ

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ