อันดับเครดิตที่ปรับเพิ่มขึ้นสะท้อนถึงผลการดำเนินงานของบริษัทที่ดีขึ้นจากฐานรายได้ที่ใหญ่ขึ้นและสัดส่วนของโครงการบ้านจัดสรรที่มากขึ้น รวมถึงความคาดหมายว่าส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในกิจการร่วมค้าจะเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความสามารถในการแข่งขันที่แข็งแกร่งของบริษัทในตลาดคอนโดมิเนียมและผลงานที่ได้รับการยอมรับในตลาดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ อย่างไรก็ตาม การที่บริษัทเน้นการพัฒนาในตลาดคอนโดมิเนียมและอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่สูงยังเป็นปัจจัยที่น่ากังวล ทั้งนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงระดับหนี้ครัวเรือนที่สูง รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่ชะลอตัวซึ่งส่งผลกระทบต่อความต้องการที่อยู่อาศัยในระยะสั้นถึงปานกลางอีกด้วย
แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงความคาดหวังว่าบริษัทจะสามารถรักษาผลการดำเนินงานเอาไว้ได้ตามเป้าหมาย ในช่วง 3 ปีข้างหน้าคาดว่ารายได้ของบริษัทจะอยู่ในระดับ 10,000-13,000 ล้านบาทต่อปี และคาดว่ากระแสเงินสดจากการดำเนินงานจะอยู่ที่ 1,200-1,500 ล้านบาทต่อปี ในขณะที่บริษัทสามารถรักษาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุน (รวมรายการปรับปรุงด้วยเงินกู้จากกิจการร่วมค้าตามสัดส่วนและหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุน) ไม่เกินกว่า 66% หรืออัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนที่ระดับต่ำกว่า 2 เท่าเอาไว้ได้
อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงได้หากผลการดำเนินงานและ/หรือฐานะทางการเงินของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญจากที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่สูงเกินกว่า 66% ในช่วงระยะเวลาหนึ่งก็อาจนำไปสู่การปรับลดอันดับเครดิตได้ ทั้งนี้ ในอนาคตอันใกล้นี้ยังไม่มีแนวโน้มที่จะมีการปรับเพิ่มอันดับเครดิตแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม หากผลการดำเนินงานของบริษัทปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากระดับปัจจุบันโดยสามารถรักษาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่ปรับปรุงแล้วให้อยู่ต่ำกว่า 60% ได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่งก็จะส่งผลดีต่ออันดับเครดิตของบริษัท
บริษัทอนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ ประกอบธุรกิจพัฒนาและขายโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการคอนโดมิเนียมซึ่งอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ บริษัทก่อตั้งในปี 2542 โดยตระกูลเรืองกฤตยาและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในเดือนธันวาคม 2555 ณ เดือนสิงหาคม 2558 นายชานนท์ เรืองกฤตยาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทในสัดส่วน 50.1% ของหุ้นทั้งหมด
สถานะความเสี่ยงทางธุรกิจของบริษัทเริ่มปรับดีขึ้นเนื่องจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาทั้งในส่วนของผลการดำเนินงานของบริษัทเองและจากกิจการร่วมค้า โดยรายได้จากโครงการของบริษัทเพิ่มขึ้นจากประมาณ 5,000 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2554-2555 เป็นประมาณ 10,000 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2556-2558 ในขณะที่กิจการร่วมค้ากับ SEA Investment Five Pte. Ltd. (SEAI5) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ Mitsui Fudosan Group ในสัดส่วน 51:49 เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมนั้นจะเริ่มรับรู้กำไรเข้ามาตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นไป ณ เดือนธันวาคม 2558 บริษัทมีมูลค่าโครงการภายใต้สัญญาร่วมทุนประมาณ 43,000 ล้านบาท การพัฒนาโครงการในลักษณะของกิจการร่วมค้านี้นอกจากจะช่วยเพิ่มความสามารถในการขยายธุรกิจแล้ว ยังเป็นการลดความเสี่ยงทางธุรกิจและการเงินของบริษัทลงส่วนหนึ่งด้วย
ณ เดือนธันวาคม 2558 บริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา 31 โครงการ ประกอบด้วย คอนโดมิเนียม 20 โครงการและบ้านจัดสรร 11 โครงการ ซึ่งมีมูลค่าเหลือขายประมาณ 29,000 ล้านบาท บริษัทพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม 8 โครงการในลักษณะของการร่วมทุนกับ SEAI5 บริษัทมียอดขายที่รอการรับรู้รายได้ (Backlog) ในช่วง 3 ปีข้างหน้ามูลค่า 37,000 ล้านบาท (รวมยอดขายที่รอรับรู้รายได้มูลค่า 27,000 ล้านบาทจากโครงการที่พัฒนาภายใต้กิจการร่วมค้า)
ยอดขายของบริษัทในปี 2558 เพิ่มขึ้น 13% จากปีก่อนเป็น 19,611 ล้านบาท โดยยอดขายจากคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรเติบโต 8% และ 64% จากปีก่อนตามลำดับ รายได้ของบริษัทในปี 2557 เพิ่มขึ้น 13% เป็น 10,328 ล้านบาท รายได้ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 ลดลง 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 5,396 ล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่าบริษัทจะรับรู้รายได้ประมาณ 5,000 ล้านบาทในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2558 ซึ่งได้รับแรงหนุนจากยอดขายที่รอรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียม ดังนั้น รายได้สำหรับปี 2558 จะอยู่ที่ระดับ 10,000 ล้านบาท ในช่วง 3 ปีข้างหน้าคาดว่ารายได้ของบริษัทจะอยู่ที่ประมาณ 10,000-13,000 ล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ ยังคาดว่าสัดส่วนของรายได้จากการบริหารโครงการและค่านายหน้าจากโครงการร่วมทุนจะเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นไป
อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงาน (ซึ่งวัดจากอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้) ของบริษัทปรับตัวดีขึ้นเป็น 16% ในช่วงปี 2555 ถึง 2556 และเป็น 19% ในปี 2557 ซึ่งเป็นผลมาจากอัตรากำไรที่เพิ่มมากขึ้นของโครงการคอนโดมิเนียม อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานลดลงเหลือ 14% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 เนื่องจากการรับรู้รายได้ที่ลดลงในช่วงเวลาดังกล่าว ทั้งนี้ คาดว่าในช่วง 3 ปีข้างหน้าบริษัทจะสามารถรักษาอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานให้อยู่ที่ประมาณ 15% เอาไว้ได้ ในขณะที่คาดว่าอัตราส่วนกำไรสุทธิจะดีขึ้นจากการที่บริษัทจะเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในกิจการร่วมค้าตั้งแต่กลางปี 2559
อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัท (รวมรายการปรับปรุงด้วยเงินกู้จากกิจการร่วมค้าตามสัดส่วนและหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุน) อยู่ที่ 55% ณ เดือนธันวาคม 2557 และ 63% ณ เดือนกันยายน 2558 ภายใต้สมมติฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทในอีก 2-3 ปีข้างหน้าจะยังคงอยู่ในระดับสูงจากแผนการขยายธุรกิจทั้งในโครงการของบริษัทเองและโครงการร่วมทุน อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนไม่ควรสูงเกินกว่า 66% หรืออัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนควรอยู่ในระดับต่ำกว่า 2 เท่า บริษัทมีสภาพคล่องในระดับที่ยอมรับได้ หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันมูลค่า 2,395 ล้านบาท 4,000 ล้านบาท และ 2,000 ล้านบาทของบริษัทจะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2559 2560 และ 2561 ตามลำดับ ในขณะที่สภาพคล่องของบริษัท ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2558 ประกอบด้วยเงินสดมูลค่า 2,000 ล้านบาทและวงเงินกู้ยืมที่ยังไม่ได้เบิกใช้และไม่ติดเงื่อนไขในการเบิกมูลค่า 4,700 ล้านบาท รวมถึงกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1,200-1,500 ล้านบาทต่อปี
บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (ANAN)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
ANAN15PA: หุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุน 1,000 ล้านบาท BB+
ANAN16OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,395 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 BBB
ANAN175A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 BBB
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable