นายเชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (TPCH) เปิดเผยว่า ในปี 2558 บริษัทมีรายได้รวม 304.90 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 18 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 258.26 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 46.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 28.49 ล้านบาท เพราะรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าชีวมวลช้างแรก ไบโอเพาเวอร์ (CRB) ที่มีกำลังการผลิต 10 เมกะวัตต์ และมีกำลังการผลิตเสนอขายจำนวน 9.2 เมกะวัตต์ เข้ามาเต็มปีและถือว่าเป็นโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลโครงการแรกของบริษัทที่สร้างผลประกอบการออกมาได้อย่างน่าประทับใจมาก
สำหรับความคืบหน้าในการขยายการลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลในประเทศกัมพูชาและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ล่าสุดบริษัทได้เซ็น MOU กับพันธมิตรท้องถิ่นในประเทศกัมพูชา เพื่อศึกษาการเข้าไปลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล กำลังการผลิตประมาณ 90 เมกะวัตต์ ซึ่งจะแบ่งเป็น 3 เฟส เฟสละ 30 เมกะวัตต์ ส่วนที่ประเทศลาวกำลังอยู่ระหว่างการศึกษาหากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบในลำดับถัดไป
"มั่นใจว่ารายได้ในปีนี้จะเติบโต 150% จากปี 2558 หลังทยอยรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้า ชีวมวลที่สามารถจ่ายไฟได้เรียบร้อยแล้วจำนวน 2 โครงการ คือโรงไฟฟ้า ช้างแรก ไบโอเพาเวอร์และโรงไฟฟ้าชีวมวลแม่วงศ์ เอ็นเนอยี่ และในปีนี้ก็คาดว่าจะมีโรงไฟฟ้าชีวมวลที่เดินเครื่องจ่ายไฟ (COD) ได้อีก 4 แห่ง คือจ่ายไฟได้ทุกไตรมาสเริ่มตั้งแต่ไตรมาส 1 คือโรงไฟฟ้าชีวมวลมหาชัย กรีน เพาเวอร์ โรงไฟฟ้าชีวมวลทุ่งสัง กรีน เดินเครื่องจ่ายไฟไตรมาส 2 โรงไฟฟ้าชีวมวลพัทลุง กรีน เพาเวอร์ เดินเครื่องจ่ายไฟได้ไตรมาส 3 และโรงไฟฟ้าชีวมวลสตูล กรีน เพาเวอร์ เดินเครื่องจ่ายไฟได้ไตรมาสสุดท้ายของปีนี้" นายเชิดศักดิ์ กล่าวในที่สุด
อย่างไรก็ตาม การขายไฟแบบระบบ Feet in Tariff (FiT) จะช่วยสนับสนุนให้ผลประกอบการของบริษัทเติบโตแบบก้าวกระโดดในระยะเวลาสั้น เพราะอัตราการทำกำไรจะเพิ่มสูงขึ้นเกือบเท่ากับ 45-50% ของรายได้ ซึ่งสอดคล้องกับแผนธุรกิจใหม่ของบริษัทที่จะมีกำลังการผลิต 150-200 เมกะวัตต์ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า เนื่องจากโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลจะมีระยะเวลาคืนทุนที่เร็วขึ้น หลังได้รับปัจจัยบวกจากการขายไฟในระบบ FiT ซึ่งจะทำให้บริษัทมีเงินทุนหมุนเวียนไปพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่อง