นายไพบูลย์ อังคณากรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาซีฟา จำกัด (มหาชน) หรือ ASEFA ผู้ประกอบธุรกิจผลิต จำหน่ายและติดตั้งผลิตภัณฑ์กระจายและส่งจ่ายไฟฟ้า สวิตช์บอร์ดไฟฟ้า รางและบันไดพาดสายไฟฟ้า โคมไฟและระบบส่องสว่าง งานบริการวิศวกรรมที่เกี่ยวข้อง และงานบริการหลังการขายครบวงจร เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ และบริษัทย่อยในงวดปี 2558 มีกำไรสุทธิจำนวน 206.75 ล้าน เพิ่มขึ้น 93.11 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 81.92% เมื่อเทียบกับปี 2557 ที่มีกำไรสุทธิ 113.65 ล้านบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้นจำนวน 569.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 187.79 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 22.34% ลดลง 0.28% ซึ่งลดลงเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการอยู่ที่ 2,549.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 856.67 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 50.60% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายจากการขายและบริการอยู่ที่ 1,692.93 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจากรายได้ผลิตภัณฑ์ที่บริษัทเป็นผู้ผลิตเองและสวิตซ์บอร์ด ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น 491.43 ล้านบาท หรือคิดเป็น 42.88% รายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ที่ซื้อมาเพื่อจำหน่ายต่อเพิ่มขึ้น 72.33 ล้านบาท คิดเป็น 24.26% ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายการลงทุนในโครงการต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนที่เพิ่มขึ้น งานบริการวิศวรกรมเพิ่มขึ้น 116.09 ล้านบาท คิดเป็น 46.67% เนื่องจากบริษัทฯมีการขยายงานด้านการบริการวิศวกรรมที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้น และรายได้จากโครงการรื้อถอนโรงไฟฟ้าบางปะกง จำนวน 176.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100%
"บริษัทฯ พอใจกับผลงานที่ออกมา ทั้งรายได้และกำไรที่นิวไฮ ในปี 2558 ที่เติบโตอย่างน่าประทับใจเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2557 ที่ผ่านมา ที่มีรายได้จากการขายและบริการรวม 1,692.93 ล้านบาท และส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทฯมีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 1,700 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2559- 2560 โดยมองว่าการเติบโตของโรงไฟฟ้าในประเทศจะมีอีกมาก ซึ่งใช้สวิตช์บอร์ดไฟฟ้าและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องของบริษัทฯ ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นยอดขายส่วนหนึ่งของบริษัทฯ ให้มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง" นายไพบูลย์ กล่าว
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้จ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนิงานประจำปี 2558 ในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 3 พฤษภาคม 2559 และจ่ายปันผลวันที่ 25 พฤษภาคม 2559 เพื่อเป็นการขอบคุณผู้ถือหุ้นและมั่นใจว่าจะไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง กับผลประกอบการของบริษัทฯ
นายไพบูลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ล่าสุดในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2559 นี้ บริษัทได้ย้ายฐานการผลิตจากบางบอน มารวมที่โรงงานแห่งใหม่ คาดว่าจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอีก 50% จากปัจจุบัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและรองรับคำสั่งซื้อจากลูกค้ารายใหม่ ๆ โดยใช้เงินลงทุนประมาณ 130 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะเปิดสำนักงานขายครอบคลุมทั้งประเทศภายในปีนี้ โดยมีเป้าหมายในการขยายสาขาเพื่อเปิดโอกาสให้แก่บริษัทฯ และลูกค้า ในการซื้อขายสินค้าที่มีความหลากหลายเพิ่มมากขึ้น โดยตอนนี้ได้รับพนักงานประจำสาขาและทำการฝึกสอนทักษะให้มี ความพร้อมสำหรับ การขยายสาขาไว้แล้ว
ส่วนโครงการรื้อถอนโรงไฟฟ้าที่ใช้เงินลงทุนรวมประมาณ 420 ล้านบาท ซึ่งได้ทำการรื้อถอนเสร็จเรียบร้อยแล้ว และทำการขายไปแล้วส่วนหนึ่ง คิดเป็นมูลค่ากว่า 176 ล้านบาท ส่วนที่เหลือยังคงทยอยขาย เนื่องจากความผันผวนของราคาโลหะ ทั้งนี้ หากมีราคาดีก็จะนำออกขายซึ่งจะช่วยหนุนรายได้ของบริษัทฯในปีนี้ให้เติบโตได้ อย่างแข็งแกร่งอีกทางหนึ่ง