โรคหัวใจ ถือเป็นโรคสำคัญที่คนไทยเป็นกันมาก

อังคาร ๐๑ มีนาคม ๒๐๑๖ ๑๑:๑๑

แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูหัวใจ

สถาบันหัวใจเพอร์เฟคฮาร์ท โรงพยาบาลปิยะเวท

โรคหัวใจ ถือเป็นโรคสำคัญที่คนไทยเป็นกันมาก ซึ่งโรคหัวใจจัดเป็นโรคที่อยู่ 1 ใน 3 ของโรคที่ทำให้คนไทยเสียชีวิตมากที่สุด คนที่ป่วยเป็นโรคหัวใจส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยออกกำลังกาย หรือยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องการดูแลสุขภาพมากนัก ความจริงแล้วโรคหัวใจสามารถป้องกันได้ เพราะความเสี่ยงของการเกิดโรคนี้มีตั้งแต่ความเสี่ยงที่ยังไม่มีแนวทางในการแก้ไข เช่น อายุมากขึ้นก็จะเป็นมากขึ้น มีกรรมพันธุ์ต่อเนื่อง หรือเรื่องของเพศ ซึ่งเพศชายจะมีโอกาสเป็นโรคหัวใจมากกว่าเพศหญิง โดยเพศชายจะเริ่มตั้งแต่อายุ 45 ปีขึ้นไป ส่วนเพศหญิงอายุประมาณ 59 ปี หรือวัยหมดประจำเดือน นอกจากนี้ก็ยังมีปัจจัยเสี่ยงอย่างอื่นที่สามารถแก้ไขได้ ได้แก่ เรื่องของอาหาร โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ถ้าดูแลตัวเองดี โอกาสของการเป็นโรคหัวใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคหลอดเลือดหัวใจตีบก็จะลดลง อีกสิ่งที่สำคัญก็คือเรื่องการออกกำลังกาย ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงอีกอย่างหนึ่ง พบว่าคนที่ไม่ค่อยออกกำลังกาย จะมีโอกาสเสียชีวิตจากโรคหัวใจมากกว่าคนที่ออกกำลังกาย ประมาณ 50% และเมื่อพูดถึงการออกกำลังกายเพื่อป้องกันโรคหัวใจ อาจไม่จำเป็นต้องออกเยอะ เพราะพบว่าการเดิน แค่วันละ 1 ชั่วโมง (ถ้านับเป็นก้าว คือ 10,000 ก้าว) ก็สามารถลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคหัวใจได้ประมาณครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว

โรคหัวใจที่พบมากในคนไทยก็คือ โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ซึ่งเกิดจากภาวะของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจมีลักษณะตีบหรือตัน ทำให้ขาดเลือดไปเลี้ยงหัวใจก็จะเริ่มเกิดอาการ เจ็บหน้าอก เหนื่อยง่าย ซึ่งกลุ่มนี้ก็จะมีการรักษา 3 กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่ การดูแลตนเอง เช่น เรื่องอาหารการกิน การรับประทานยา และ Invasive เช่น การทำบอลลูนขยายหลอดเลือด การสอดใส่สายหรือการผ่าตัดแต่ไม่ว่าจะทำการรักษาด้วยวิธีใดก็ตาม สิ่งแรกที่สำคัญและเป็นพื้นฐาน นั่นคือเรื่องของการรับประทานอาหารอย่างถูกต้อง ลดของหวาน มัน เค็ม รับประทานอาหารที่เป็นธรรมชาติ ผ่านการปรุงแต่งน้อย รับประทานในปริมาณที่พอเหมาะอย่าให้อิ่มจนเกินไป ควบคู่กับการควบคุมน้ำหนักให้เป็นไปตามมาตรฐาน

ส่วนการออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจในลักษณะใด ถ้าไม่มีข้อห้ามในการออกกำลังกายแล้ว ควรจะออกกำลังกายทุกคน เนื่องจากการศึกษาทางด้านการแพทย์พบว่า ผู้ที่ป่วยเป็นโรคหัวใจและจริงจังกับการออกกำลังกาย จะสามารถลดอัตราการเสียชีวิตได้ถึง 25% (ซึ่งไม่เกี่ยวกับการรับประทานยา) เพราะฉะนั้น อย่าคิดว่าจะต้องทานยาคุณหมอเท่านั้น เราจะต้องรู้จักการดูแลตนเอง หมั่นออกกำลังกาย ไม่เครียด ซึ่งสามารถปรึกษาหรือขอคำแนะนำจากแพทย์ที่ให้การรักษาได้ ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่ค่อยได้พบแพทย์ หลังจากที่ป่วยเป็นโรคหัวใจ แนะนำให้เดิน

ออกกำลังกาย ในลักษณะที่เหมือนเวลาเดินปกติ ไม่ต้องเร็วจนเกินไป 10- 15 นาที ดังนั้นสิ่งที่อยากจะเน้นย้ำและเป็นเรื่องที่สำคัญ นั่นคือทุกคนจะต้องออกกำลังกาย

ทางที่ดีที่สุดของการป้องกันและดูแลผู้ป่วยในกลุ่มโรคหัวใจ คือการพบแพทย์เพื่อประเมินอาการก่อน ด้วยวิธีให้ผู้ป่วยติดเครื่องมือเพื่อดูคลื่นไฟฟ้าหัวใจขณะออกกำลัง ว่ามีการทำงานได้ดีมากน้อยแค่ไหน เพื่อที่จะจัดโปรแกรมการออกกำลังกายที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยนั้นๆ เพราะผู้ป่วยแต่ละรายจะไม่เหมือนกัน การออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเดิน การปั่นจักรยาน การว่ายน้ำ โยคะ หรือมวยจีน จริงๆผู้ป่วยสามารถทำได้หมด แต่ไม่ควรเริ่มจากอะไรที่ไม่คุ้นเคย และถ้าในขณะออกกำลังกายแล้วมีอาการเจ็บหน้าอกขึ้นมา ก็ให้หยุด และหลังออกกำลังกายจะต้องมีการวัดความดัน วัดอัตราการเต้นของหัวใจด้วย

ปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่สามารถช่วยผู้ป่วยที่สูงอายุหรือผู้ป่วยที่ไม่สามารถออกกำลังกายได้ ด้วยเครื่องนวดกระตุ้นการทำงานของหัวใจ (EECP) โดยใช้หลักการนวดจากปลายขา จะมีแผ่นคลื่นไฟฟ้าหัวใจติดตามหน้าอก ซึ่งการบีบนวดที่ขา จะต้องสัมพันธ์กับการเต้นของหัวใจ เพื่อนำเลือดเข้าสู่หัวใจให้มากที่สุด ผลดีที่ได้จะใกล้เคียงกับการออกกำลังกาย ทำให้หลอดเลือดยืดหยุ่นดีขึ้น เพิ่มปริมาณหลอดเลือดฝอย และทำให้หัวใจทำงานบีบตัวได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจากการศึกษาทางการแพทย์ในคนไข้ที่เจ็บหน้าอกและเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ที่ไม่ได้ผ่าตัดหรือทำบอลลูน แต่รักษาด้วยเครื่องนวดไฟฟ้านี้ร่วมกับการรับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง สามารถลดอาการเจ็บหน้าอกได้ถึง 80% ปัจจุบันก็ได้นำมาใช้ในโรคหลอดเลือดทั่วๆไป เช่น โรคหลอดเลือดในสมอง อัมพฤต อัมพาต ก็รักษาด้วยเครื่องนี้ เครื่องนี้จะเป็นตัวกระตุ้นให้หลอดเลือดทำงานดีขึ้น

สุดท้ายการป้องกันย่อมดีกว่าการรักษา ผู้ที่ยังไม่เกิดอาการ หรือผู้ที่เป็นแล้วในระยะเริ่มต้น ควรรู้จักสังเกตตัวเองและเฝ้าระวังอยู่เสมอ เพราะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าโรคบางอย่างที่เกี่ยวเนื่องกับโรคหัวใจ อาจจะมาแบบที่ไม่ทันตั้งตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิต โรคไขมันในเลือดสูง โรคเหล่านี้จำเป็นต้องตรวจให้รู้ตั้งแต่เนิ่นๆ จึงแนะนำให้ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไปควรตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ และผู้ที่รู้ตัวว่าเป็นโรคหัวใจ แนะนำให้พบแพทย์เพื่อความปลอดภัยในการดูแลตัวเองให้ดียิ่งขึ้น

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๖:๕๐ รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๑๖:๑๔ ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๑๖:๑๓ Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๑๖:๑๐ ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๑๖:๕๒ โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version