นายคุณวุฒิ ธรรมพรหมกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮมโปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของบริษัทฯและบริษัทย่อยประจำปี 2558 ซึ่งได้รับการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีรับอนุญาต โดยบริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิอยู่ที่3,498.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 185.48 ล้านบาท หรือ 5.60% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ผลประกอบการเติบโตมีดังนี้
1. รายได้รวมสำหรับปี 2558 จำนวน 56,243.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,034.58 ล้านบาท หรือ9.83% เมื่อเทียบกับปีก่อน แบ่งเป็นรายได้จากการขาย จำนวน 52,512.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,547.97ล้านบาท หรือ 9.48%สืบเนื่องมาจากยอดขายของโฮมโปร เมกาโฮม และโฮมโปรในประเทศมาเลเซียที่เปิดตั้งแต่ปลายปี2557 และในปี2558 บริษัทฯ ยังได้เปิดสาขาในรูปแบบโฮมโปรเพิ่มอีก5 แห่ง ได้แก่ สาขาสุโขทัย สมุทรสงคราม เพชรบุรี พัทลุง และชลบุรี (อมตะ)รวมถึงสาขาในรูปแบบเมกา โฮมเพิ่ม 3แห่ง ได้แก่ สาขากบินทร์บุรี มีนบุรีและอรัญประเทศ
รายได้ค่าเช่าและบริการจำนวน 1,477.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 286.42 ล้านบาท หรือ 24.05% เป็นผลมาจากรายได้ค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นจากการขยายพื้นที่ของศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจ สุวรรณภูมิ และหัวหิน รวมถึงรายได้ค่าเช่าที่สูงขึ้นจากพื้นที่ให้เช่าเพิ่มเติมของสาขาโฮมโปรด้วย ส่วนรายได้อื่น จำนวน 2,253.22ล้านบาท เพิ่มขึ้น 200.20 ล้านบาท หรือคิดเป็น9.75% มาจากการเติบโตของรายได้ค่าโฆษณา และรายได้จากการส่งเสริมการขายรวมถึงรายได้จากค่าบริการ "โฮมแคร์" จากลูกค้า
2. กำไรขั้นต้น สำหรับปี 2558จำนวน 13,512.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,021.12ล้านบาท หรือ 8.17% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายระหว่างปี อย่างไรก็ตามอัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขายลดลงเล็กน้อยจาก 26.04%ในปี 2557 เป็น25.73% ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงส่วนผสมของกลุ่มสินค้าที่ขายของธุรกิจโฮมโปรและโครงสร้างอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจเมกาโฮมที่ต่ำกว่า
3. ค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหาร สำหรับปี 2558 จำนวน 12,282.96ล้านบาทเพิ่มขึ้น 1,164.25ล้านบาท หรือ 10.47%เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าเสื่อมราคาเงินเดือนรวมถึงค่าใช้จ่ายจากการขยายธุรกิจโฮมโปรที่ประเทศมาเลเซีย
4. ค่าใช้จ่ายทางการเงินสำหรับปี 2558 จำนวน 543.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น77.67 ล้านบาท หรือ 16.67%เมื่อเทียบกับปีก่อน เป็นผลของการออกหุ้นกู้ในไตรมาส1 และ 3 ของปี 2558 อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ได้มีการควบคุมถึงอัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
5. ภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับปี 2558จำนวน 917.99ล้านบาท เพิ่มขึ้น 80.35ล้านบาท หรือ 9.59%เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน เป็นผลจากกำไรก่อนหักภาษีที่เพิ่มขึ้น