“โกลเบล็ก”ชี้มาตรการ QEหนุนดัชนีเด้งทดสอบ 1,390-1,400 จุด ชูAOTเด่นรับอานิสงส์แผนขยายดอนเมืองเฟส 3 มูลค่าหมื่นล้าน

พฤหัส ๐๓ มีนาคม ๒๐๑๖ ๑๑:๒๐
บล.โกลเบล็กมองดัชนีหุ้นไทยฟื้น รับมาตรการ QE ตามการส่งสัญญาณเชิงบวกของธนาคารกลางยุโรป (ECB)ในการประชุมในวันที่ 10มี.ค.นี้ หลังจากอัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนเดือนกุมภาพันธ์หดตัว0.2% พร้อมทั้งคาดการณ์เฟด คงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.25% - 0.50%บวกกับราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังรัสเซียใกล้บรรลุข้อตกลงกับกลุ่มโอเปก ให้แนวต้านดัชนี 1,390-1,400 จุด แนะลงทุน AOT รับอานิสงส์แผนขยายดอนเมืองเฟส 3 มูลค่า 1 หมื่นล้านบาท ส่วนราคาทองคำมีแนวโน้มปรับลง หลังเศรษฐกิจมีสัญญาณเชิงบวก ให้แนวรับ 1,190-1,185 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,260-1,265 เหรียญต่อทรอยออนซ์

น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่าแนวโน้มภาวะตลาดหุ้นไทยได้แรงหนุนจากตลาดต่างประเทศโดย ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ใช้มาตรการ QE เพิ่มเติมในการประชุมวันที่ 10 มีนาคม หลังจากอัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนเดือนกุมภาพันธ์หดตัว0.2% และกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (FED) คงอัตราดอกเบี้ยที่0.25% - 0.50% ในการประชุมวันที่ 15-16 มีนาคมนี้ อีกทั้งราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นหลังจากรัสเซียใกล้บรรลุข้อตกลงกับกลุ่มโอเปกในการจำกัดการผลิตน้ำมัน

ประกอบกับธนาคารกลางจีนลดสัดส่วนการกันสำรอง (RRR) ลง 0.5% เหลือ 17% ซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้วันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศอีกครั้ง

อย่างไรตามปัจจัยที่ยังคงกดดันดัชนีตลาดหุ้นไทยก็ยังคงมีต่อเนื่องโดยเฉพาะการส่งออกที่ติดลบ โดยธนาคารแห่งประเทศไทยเตรียมปรับลดเป้า GDP หลังจากเศรษฐกิจไทยในเดือนมกราคมมีทิศทางแผ่วลง ทำให้การส่งออกติดลบ 9.3% และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI) ภาคการผลิตของจีน ในเดือนกุมภาพันธ์ก็ปรับตัวลงแตะ 49 จุด หดตัวลงเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกัน ขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของจีนในเดือนกุมภาพันธ์ลดลงสู่ระดับ 51.2 จาก 52.4 ในเดือนม.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่าแนวโน้มการเติบโตของภาคบริการจีนได้ชะลอความแรงลง

ด้านนายชัยยศ จิวางกูรผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก ประเมินกลยุทธ์การลงทุนใน SET ว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยยังคงมีน้ำหนักเชิงบวก ตามราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้น หลังจากรัสเซียใกล้บรรลุการเจรจากับกลุ่มโอเปกในการควบคุมกำลังการผลิตน้ำมัน รวมถึงการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะใช้ QE เพิ่มเติมในการประชุม 10 มีนาคมนี้

ดังนั้นคาดว่า SETจะปรับตัวขึ้นเพื่อทดสอบแนวต้าน 1,390-1,400 จุด แนะนำกลยุทธ์การลงทุน Selective Buyแนะนำ AOTที่ได้ประโยชน์จากแผนขยายดอนเมืองเฟส 3 กว่า 1 หมื่นล้าน รองรับผู้โดยสารได้ 40 ล้านคนต่อปี ซึ่งจะเสนอบอร์ดอนุมัติ 23 มีนาคมที่จะถึงนี้แนะกลุ่มพลังงานที่ได้รับอานิสงส์ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้น รวมไปถึงกลุ่มที่มีปันผลสูง แนะนำ INTUCH ADVANC KTB KKP TISCO

สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่าราคาทองคำเริ่มย่อตัวลงหลังสหรัฐรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งจากรายงานตัวเลขการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างของสหรัฐเพิ่มขึ้นในเดือนมกราคม ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2007 บวกกับรายงานตัวเลขดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐมีการปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในเดือนกุมภาพันธ์ มาที่ระดับ 49.5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน กันยายน2558

ขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่มีแนวโน้มที่ดีขึ้นหลังรัสเซียระบุว่าใกล้มีการบรรลุข้อตกลงกับกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในการจำกัดการผลิตน้ำมันขณะที่รัสเซียเผยจะไม่เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในปีนี้เป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน พร้อมทั้งธนาคารกลางจีนปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์(RRR)ลง 0.5% เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในตลาดการเงินและกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศทำให้นักลงทุนย้ายการลงทุนจากทองคำมาที่ตลาดหุ้น

ส่วนการรายงานอัตราเงินเฟ้อระยะยาวของสหรัฐที่ปรับตัวขึ้นสองเท่าในเดือนมกราคม สู่ระดับ 1.3% ซึ่งขยับเข้าใกล้เป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% ของเฟด รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาแข็งแกร่ง ทำให้มีกระแสคาดการณ์ที่เพิ่มมากขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ โดยเฟดจะมีการประชุมอีกครั้งช่วงวันที่ 15-16 มีนาคม นี้รวมถึงยูโรสแตทรายงานอัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนอยู่ที่ระดับ -0.2% ในเดือนกุมภาพันธ์ ทำให้มีการคาดการณ์ว่าECBจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ในการประชุมนโยบายในวันที่10 มีนาคม ซึ่งจะมีผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเป็นปัจจัยลบต่อทองคำ

ดังนั้น ประเมินแนวโน้มราคาทองคำโลกด้านเทคนิคว่าราคาทองยังอยู่ในช่วงพักฐานออกข้าง แต่เริ่มมีแรงกดดันการพักตัวลงเกิดขึ้นหลังราคาไม่สามารถผ่านยืนแนวต้านจุดสูงเดิมเพื่อสร้างแนวขึ้นรอบใหม่ ขณะที่ราคาเริ่มปรับลงมาต่ำกว่าแนวรับเส้น 5 วันอีกครั้ง ด้วยแนวเรียงตัวแท่งเทียนที่เป็นลบมากขึ้น บวกค่าสัญญาณ RSI เริ่มปรับลงจากสัญญาณ BEARISH DIVERGENCE ทำให้ราคามีโอกาสปรับลงรอบใหม่โดยให้แนวรับ 1,190-1,185 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน1,260-1,265 เหรียญต่อทรอยออนซ์

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version