ภาพรวม CSR ของกรุงไทย ที่ผ่านมาทางกรุงไทยที่เน้นไปที่เยาวชนเป็นหลัก เช่น กรุงไทยสานฝันโรงเรียนดีใกล้บ้าน เป็นการไปสนับสนุนโรงเรียน 94 แห่งทั่วประเทศ เพื่อยกระดับมาตรฐานการเรียนการสอน, กรุงไทยยุววานิช ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายและปวช. เป็นโครงการที่มุ่งเน้นให้น้องๆ เรียนรู้ธุรกิจการเป็นผู้ประกอบการ เป็นโครงการที่ทำมาตั้งแต่ปี 2545 และทำมาอย่างต่อเนื่องก้าวเข้าสู่ปีที่ 15 แล้ว อีกโครงการคือ กรุงไทย ต้นกล้าสีขาว เป็นโครงการระดับอุดมศึกษา โดยมุ่งเน้นนำหลักการเศรษฐกิจพอเพียงไปพัฒนาชุมชนที่น้องๆสนใจ หรือเป็นชุมชนที่ใกล้กับที่ที่น้องเรียนอยู่ โครงการนี้ทำต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2550 เช่น โครงการสื่อการเรียนการสอนสำหรับผู้พิการทางการได้ยิน, โครงการอาหารกลางวันตามโรงเรียนชายขอบ เป็นต้น
ล่าสุด เปิดตัวโครงการ "สื่อการเรียนการสอนสำหรับผู้พิการทางการได้ยิน" สร้างโอกาสต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 มอบให้กับโรงเรียนโสตฯ กว่า 20 แห่ง ครอบคลุมทั่วประเทศไทย เพื่อที่จะทำอุปกรณ์การเรียนการสอนส่งมอบ ให้กับน้องๆ ที่มีปัญหาทางการได้ยิน สามารถเข้าใจได้ดียิ่งขึ้น และเตรียมสร้างมิติใหม่ทางการสื่อสารเพิ่มขึ้น โดยการผลิตสื่อประชาสัมพันธ์ออนไลน์ในชื่อชุด "ของขวัญ" ให้สอดคล้องกับชีวิตสมัยใหม่ในยุคดิจิทัล ประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ประชาชนทั่วไป หันมาสร้างและมอบโอกาสให้กับน้องๆ ให้มีศักยภาพในการเรียนรู้ และสามารถพัฒนาตนเองจนเป็นกำลังที่สำคัญของสังคมและประเทศชาติได้ต่อไป
สื่อออนไลน์ ชุดของขวัญ สร้างสรรค์ด้วยแนวคิด กล่องของขวัญที่ภายในบรรจุโครงการดีๆจากกรุงไทยไว้ เพื่อส่งต่อมอบความรู้สึกดีๆ ให้กับผู้พิการทางการได้ยิน นำเสนอเนื้อหาในรูปแบบ Mockumentary เล่าเรื่องราวของเด็กที่พิการทางการได้ยิน 3 คนจากพื้นที่กรณีศึกษา ที่แม้จะมีชีวิตประจำวันปกติเหมือนคนอื่นๆ แต่กลับมีข้อจำกัดที่ต้องอยู่ในโลกแห่งความเงียบ และด้วยข้อจำกัดเล็กๆ นั้นก็เป็นอุปสรรคในการเรียนรู้ในสิ่งต่างๆ ของพวกเขา จนกระทั่งโครงการการพัฒนาสื่อการสอนสำหรับผู้พิการทางการได้ยิน จากธนาคารกรุงไทยเข้ามา ก็เปรียบเหมือนเป็นของขวัญชิ้นพิเศษสุดในชีวิตของพวกเค้า ทำให้เด็กๆ ได้เรียนรู้วิชาการต่างๆ ได้ง่ายขึ้น และยังทำให้พวกเค้ามีความสุขมีมุมมองชีวิตที่สวยงามมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
ศิริพร นพวัฒนพงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารกลุ่ม สายงานสื่อสาร และภาพลักษณ์องค์กร ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เราใช้ชื่อกรุงไทยตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม 2509 บทบาทหลักๆ ของธนาคารกรุงไทยจะมี 2 รูปแบบ หนึ่งก็คือทำธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ส่วนอีกหนึ่งบทบาทก็เป็นธนาคารของรัฐด้วย ซึ่งเราจะเน้นและสนับสนุนการสร้างพื้นฐานของเศรษฐกิจและสังคมของประเทศชาติเป็นหลัก ในฐานะที่เราเป็นธนาคารของรัฐด้วย ในเรื่องของ CSR เราทำมานานแล้ว ตั้งแต่แรกเริ่ม แต่สำหรับคำว่าCSR เพิ่งจะมีมาไม่นานนี้เอง เรามีโครงการของกรุงไทยอย่างชัดเจนในปี 2545 ชื่อโครงการ 'กรุงไทย ยุววาณิช' โครงการนี้แรกเริ่มมาจากตอนที่เศรษฐกิจของประเทศไทยวิกฤติ และเราก็คิดว่า ประเทศไทยมันจะแข็งแกร่งได้ ต้องมีผู้ประกอบการที่เข้มแข็ง และในฐานะที่กรุงไทยก็มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของธุรกิจ เราก็เลยทำโครงการนี้ขึ้นมา โดย กระตุ้นให้เยาวชนไทยมีความรู้ในการเป็นผู้ประกอบการที่ดี โครงการนี้เราร่วมกับทางประชาชนด้วย มีการให้เด็กส่งแผนธุรกิจเข้ามาประกวด หลังจากนั้นก็จะทำการคัดสรรอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งหลังจากไปปฏิบัติจริงในพื้นที่ เราก็อาศัยเครือข่ายของเราที่มีอยู่ 1,200 กว่าสาขาให้เข้าไปประเมินโครงการ รวมทั้งให้คำแนะนำ และมีการคัดสรรออกมา จนเหลือ 10 ทีมสุดท้าย และมาชิงชนะเลิศที่สำนักงานใหญ่ของเรา
โดยตลอด 14 ปีที่ดำเนินโครงการ CSR ได้มีการติดตาม และประเมินผลอย่างต่อเนื่อง ยกตัวอย่างโครงการ "กรุงไทย ยุววาณิช" เราเสนอให้เด็กนำแผนที่ได้คิดและเสนอกับทางเราไปส่งมอบให้กับชุมชน เพื่อให้ชุมชนไปดำเนินการต่อ ส่งมอบให้กับโรงเรียนให้รุ่นน้องนำไปต่อยอดต่อ สร้างรายได้ให้กับโรงเรียน ก็คือไม่ได้นำไปต่อยอดต่อ แต่เด็กๆ ก็จะได้ประสบการณ์ในการเรียนรู้ในการทำธุรกิจตั้งแต่เด็ก ซึ่งตั้งแต่เราทำโครงการนี้ขึ้นมา เราคิดว่าเราเป็นส่วนกระตุ้น ส่งเสริม เป็นเรื่องที่ถ้ามีคนทำยิ่งเยอะยิ่งดี มีเวทียิ่งเยอะยิ่งดี เป้าประสงค์ของเราไม่ได้ต้องการเป็นเวทีอันดับหนึ่ง แต่เราต้องการเพิ่มช่องทางและโอกาสให้กับเด็กๆ
ปี 2558-2559 สิ่งที่ทางกรุงไทยอยากจะเน้นเป็นหลัก คือ CSR in process ก็คือให้ทุกบุคลากรของเราทุกคน รวมถึงทุกกระบวนการในแต่ละโครงการของเรา คำนึงถึงเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งเราเน้นเป็นหลักและให้อยู่ในสายเลือดเลย เช่น ถ้าจะให้สินเชื่อ ก็ต้องชัดเจนว่านโยบายสินเชื่อของเราไม่ให้กับธุรกิจที่ไม่ถูกกฎหมาย หรือธุรกิจที่สุ่มเสี่ยง ธุรกิจที่มีการเก็งกำไร หรือธุรกิจที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ก็ต้องมีการประเมินที่ผ่านการยอมรับ ซึ่งโครงการต่างๆของทางกรุงไทยเองเน้น 3 เรื่องนี้เป็นหลัก
ในปี 2559 เราก็ยังคงมุ่งเน้นและต่อยอดปรับเปลี่ยนโครงการให้ดูทันสมัยขึ้น สอดคล้องกับบริบทของประเทศที่มีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น อาจจะมุ่งเน้นไปในผู้ประกอบการธุรกิจรายย่อย SME ซึ่งเราก็ได้มีความคิดที่จะทำโครงการเพื่อผู้ประกอบการรายย่อย ในการอบรมการใช้บัญชีเดียวได้มีโอกาสขยับขยายเติบโตเป็นขนาดกลาง และใหญ่ได้ ถ้าธุรกิจของคุณถูกต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้ ซึ่งโครงการนี้เราจะทำร่วมกับสภาอุตสาหกรรมภายในปีนี้แน่นอน
ทุกโครงการที่เราทำอยู่แล้ว เราก็จะตั้งใจทำต่อไป แต่สิ่งที่เราจะเพิ่มเติมในปีนี้คือการสื่อสารที่มากขึ้น เพราะจริงๆเราทำโครงการมาอย่างต่อเนื่อง แต่คนยังไม่ค่อยรู้ จุดประสงค์หลักของเราต้องการให้คนทั่วไปได้รับรู้ว่าโครงการ CSR เหล่านี้มันมีในประเทศไทย ไม่ใช่แค่เฉพาะกรุงไทยทำ ใครทำก็ได้ เผื่อให้องค์กรอื่นๆได้มองเห็นและคิดจะทำบ้าง คิดว่าตนได้ทำหรือยัง ทำน้อยไปรึเปล่า เหมือนไปจุดประกายให้เค้าได้บ้าง แค่มีคนเข้าไปสนับสนุนในเรื่องต่างๆมากขึ้นก็ภูมิใจและถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว