นายปริพันธ์ หนุนภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอนนิเมชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของวงการธุรกิจลิขสิทธิ์คาแรคเตอร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นผลดีอย่างมากที่จะเปิดกว้างให้แบรนด์ต่างๆ ได้เลือกนำคาแรคเตอร์ไปใช้ได้กว้างยิ่งขึ้น ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงเพิ่มขึ้นในทุกปี ทั้งนี้ ธุรกิจลิขสิทธิ์คาแรคเตอร์ได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้นในเวลาที่แบรนด์ต่างๆ ต้องการอัดโปรโมชั่น ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้ จะยิ่งเป็นที่ตอบรับจากบรรดาแบรนด์ต่างๆ ที่ต้องมุ่งสร้างยอดขายท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทายดังเช่นปัจจุบัน โดยในต่างประเทศคาแรคเตอร์ของแมทเทลได้รับความนิยมอย่างสูงสุดในกลุ่มสินค้าต่างๆ อาทิ กลุ่มเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย, กลุ่มของเล่น, กลุ่มเครื่องสำอางค์, กลุ่มของใช้ในบ้าน และกลุ่มคอนซูเมอร์ โปรดักส์
"ปัจจุบัน เอไอ ไทยแลนด์ มีลิขสิทธิ์คาแรคเตอร์ชั้นนำที่ได้รับความนิยมในฝั่งเอเชียเพื่อตอบสนองตลาดอยู่พอสมควรแล้ว อาทิ โดราเอมอน (Doraemon) ไลน์เฟรนด์ (Line Friends) , เครยอน ชินจัง(Crayon Shinchan), คุกกี้รัน (CookieRun), แคนนิมอล (Canimals) เราจึงต้องการมองหาพันธมิตรทางธุรกิจที่จะขยายส่วนแบ่งทางตลาดในกลุ่มลิขสิทธิ์คาแรคเตอร์ที่ได้รับความนิมยมจากทางซีกโลกตะวันตก และล่าสุดเราก็ประสบความสำเร็จเมื่อได้ร่วมมือกับแมทเทล ผู้นำธุรกิจของเล่นของโลกในปัจจุบัน โดยคาแรคเตอร์ที่เราจะนำมาทำตลาดในประเทศไทยอีกครั้งมีทั้งหมด 5 แบรนด์ ประกอบด้วย บาร์บี้ (Barbie), ฮอทวีลส์ (Hot wheels), โทมัส แอนด์ เฟรนด์ (Thomas & Friends), บาร์นี่ (Barney) และ ฟิชเชอร์ ไพรส์ (Fisher Price) โดยทีมการตลาดของเรามั่นใจอย่างมากว่าคาแรคเตอร์ทั้ง 5 นี้ จะกลับมาสร้างกระแสความนิยมได้อย่างแน่นอน เพราะเป็นคาแรคเตอร์ที่คนไทยคุ้นเคยอยู่แล้ว โดยในปี 2559 และ 2560 เราจะเน้นการหาพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อสร้างให้เกิด Brand awareness อย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการ Refresh แบรนด์คาแรคเตอร์ให้อยู่ในกระแสของตลาดอยู่เสมอ ด้วยการ Collaboration กับแบรนด์ของคนไทยและแบรนด์ที่ได้ความนิยมจากต่างประเทศ รวมถึงการเปิดตัวสินค้าคอลเลคชั่นใหม่จากกลุ่มลูกค้า โดยจะใช้งบประมาณกว่า 10 ล้านบาทในการทำการตลาดครั้งนี้ ซึ่งจะเจาะไปที่กลุ่มเป้าหมายทุกเพศทุกวัยทุกไลฟ์สไตล์ ผ่านทาง Digital marketing ในช่องทางต่างๆ ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2559 จะมีการวางจำหน่ายเสื้อผ้าสำหรับเด็กในคอลเลคชั่นใหม่ รวมถึงการเปิดตัว Barbie Mascara จากทาง Maybelline New York (Thailand) ต่อด้วยไตรมาส 3 จะมีกิจกรรม Kick off สำหรับคาแรคเตอร์บาร์บี้ ที่เหล่าสาวกบาร์บี้พลาดไม่ได้" นายปริพันธ์ หนุนภักดี กล่าว
ด้านนางเพททริน่า โคว ผู้จัดการประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท แมทเทล กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า แมทเทลเชื่อมั่นว่าการได้ผนึกพลังร่วมกับ เอไอ ไทยแลนด์ ผู้นำด้านธุรกิจลิขสิทธิ์คาแรคเตอร์ของเมืองไทยในครั้งนี้ จะเป็นการต่อยอดการเติบโตของแมทเทลในประเทศไทยได้อย่างดีเยี่ยม ยิ่งไปกว่านั้น เราพร้อมที่จะเข้ามาสร้างสีสันให้แก่สินค้าและบริการต่างๆ ที่ต้องการหาลูกเล่นทางการตลาดใหม่ๆ เพื่อความสำเร็จทางธุรกิจและการเข้าถึงไลฟ์สไตล์ประจำวันของกลุ่มป้าหมาย ซึ่งเรายินดีที่จะอยู่เคียงค้างทุกความสำเร็จนั้นเสมอ
"ปัจจุบัน ประเทศไทย ถือเป็นตลาดหลักที่สำคัญของแมทเทล ที่มีการเติบโตทางการตลาดของกลุ่มสินค้าสำหรับเด็กและครอบครัวอย่างต่อเนื่อง โดยหลังจากนี้ แมทเทล จะร่วมกับ เอไอ ไทยแลนด์ ในการสร้างแคมเปญทางการตลาดใหม่ๆ ขึ้นให้ครอบคลุมทุกกลุ่มคาแรคเตอร์ ผ่านทาง Online และ Offline อย่างสมดุล ซึ่งแคมเปญที่อยู่ระหว่างการพัฒนาเพื่อนำเสนอสู่ตลาด ประกอบด้วย แคมเปญ "Barbie You Can Be Anything" การทลายกรอบความคิดของเด็กๆ เพื่อให้พวกเขาเกิดจินตนาการอย่างไร้ขอบเขต, "Hot Wheels Epic Race" เพื่อสร้างให้เด็กๆ ได้ท้าทายศักยภาพของตนรวมทั้งรู้จักวินัยการใช้รถ และ "Thomas & Friends" ที่เน้นสร้างสัมพันธภาพความเป็นเพื่อและการทำกิจกรรมแบบทีมเวิร์ค ซึ่งเราจะมีแคมเปญเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างให้คาแรคเตอร์ของเราเข้าไปอยู่ในไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมายอย่างกลมกลืน" นางเพททริน่า โคว กล่าว
ทั้งนี้ เมื่อถามถึงมุมมองของแมทเทล ต่อภาพรวมตลาดลิขสิทธิ์คาแรคเตอร์ของเอเชียตะวันออกฉียงใต้และเมืองไทย นางเพททริน่า กล่าวแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นดังกล่าวว่า "ปัจจุบันตลาดในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถือเป็นตลาดหลักที่สำคัญของแมทเทล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยที่เชื่อว่าจะเป็นตลาดอันดับหนึ่งของแมทเทลในปี 2559 – 2560 ซึ่งแมทเทลเองก็ได้ประยุกต์แผนการตลาดเพื่อให้เข้าถึงไลฟ์สไตล์การดำเนินชีวิตของกลุ่มเป้าหมายในไทย อาทิ การนำกลยุทธ์ Seasoning marketing เข้ามาใช้ในการพัฒนาสินค้าเพื่อเติมเต็มความต้องการในเทศกาลต่างๆ อาทิ การเปิดตัว Barbie Water Gun ในปี 2560 ที่เราจะสร้างให้เกิดเป็นกระแสนิยมทั่วทั้งประเทศ"