สำหรับภาวะตลาดตราสารหนี้ไทย นายนาวินกล่าวต่อไปว่า "ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.50% ต่อปีในการประชุมครั้งที่ผ่านมา ซึ่งเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ โดยภายหลังการประชุม กนง. อัตราผลตอบแทนตลาดพันธบัตรไทยมีการปรับเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย สะท้อนให้เห็นมุมมองของนักลงทุนในตลาดที่คาดว่าโอกาสการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของไทยยังคงมีอยู่ ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อการลงทุนในพันธบัตรไทยที่มีอายุเฉลี่ย (Duration) ระยะยาว สำหรับมุมมองด้านเศรษฐกิจ บลจ.กสิกรไทย มองว่าเศรษฐกิจไทยยังคงฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการใช้จ่ายของภาครัฐ การท่องเที่ยว และการลงทุนภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นในบางกลุ่มธุรกิจ แต่การส่งออกยังมีแนวโน้มฟื้นตัวช้า จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศคู่ค้าหลัก ด้านมุมมองต่างประเทศ มองว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาจมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือนหน้า เพราะจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ซึ่งมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น สอดคล้องกับตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯ ซึ่งมีตัวเลขเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพียง 6,000 ราย สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศยูโรโซนส่วนใหญ่ปรับตัวดีขึ้นแต่ยังคงเป็นไปอย่างช้าๆ เชื่อว่ามาตรการผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และการคงดอกเบี้ยระดับต่ำ บวกกับการบริโภคภายในประเทศ จะส่งผลดีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรป อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้ไม่มากนัก บลจ.กสิกรไทย แนะนำให้นักลงทุนเลือกลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้ที่มีกำหนดอายุเวลาประมาณ 3-6 เดือน เพื่อเป็นการพักเงินและรอดูความชัดเจนด้านทิศทางเศรษฐกิจ และเพื่อจับจังหวะเข้าลงทุนต่อไป"
บลจ.กสิกรไทย ยังได้เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนต่อเนื่องให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้แบบที่มีกำหนดอายุโครงการ (Fixed Term Fund) ของบลจ.กสิกรไทย ซึ่งเมื่อกองทุนครบกำหนดอายุโครงการ บริษัทจัดการจะนำเงินค่าขายคืนอัตโนมัติไปซื้อหน่วยลงทุนที่ผู้ลงทุนเลือกได้กองทุนใดกองทุนหนึ่งใน 3 กองทุน คือ กองทุนเปิดเค ตลาดเงิน (K-MONEY) กองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) หรือกองทุนเปิดเค เอ็มพลัส (K-MPLUS) ซึ่งอยู่ในกลุ่มกองทุนรวมตราสารหนี้ ของบลจ.กสิกรไทย
นายนาวินกล่าวถึงรายละเอียดของกองทุนต่อไปว่า กองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน ซีอาร์(KEFF6MCR) เบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในเงินฝาก Garanti Bank, ประเทศตุรกี, เงินฝาก Yapi Kredi Bankasi A.S., ประเทศตุรกี, เงินฝาก Commercial Bank of Qatar, ประเทศกาตาร์, เงินฝาก Union National Bank, ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเงินฝาก First Gulf Bank, ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยกองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และเป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มีสินทรัพย์ในการลงทุนสูงและสามารถยอมรับความเสี่ยงได้มากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน โดยผู้ลงทุนต้องลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำ 1,000,000 บาท สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนกับกองทุน KEFF6MCR สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและขอรับหนังสือชี้ชวนเสนอขายได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือสอบถาม KAsset Contact Center 0 2673 3888 หรือที่ www.kasikornasset.com