แสนสิริ -SIRI เผยแผนธุรกิจไตรมาส 2/2559 เปิด 7 โครงการ มูลค่า 13,200 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 5 โครงการ และบ้านเดี่ยว 2 โครงการ เตรียมเปิดโครงการใหม่ภายใต้บริษัทร่วมทุนกับบีทีเอส และเปิดโครงการต่อเนื่องจากโครงการที่ได้รับการตอบรับที่ดีในเชียงใหม่และภูเก็ต ตั้งเป้ายอดขายและรายได้ไตรมาส 2 ประมาณ 7,000 – 8,000 ล้านบาท ขณะที่สรุปยอดขายไตรมาสแรกได้กว่า 5,000 ล้านบาท จากการจัดงาน "ช้าหมดอดมาตรการ" และแคมเปญ Uniquely You ส่งท้ายมาตรการรัฐ ระบุมียอดรอรับรู้รายได้ในปัจจุบันกว่า 34,045 ล้านบาท
นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่าบริษัทมีภาพรวมการดำเนินธุรกิจที่น่าพอใจในช่วงไตรมาสแรกของปี 2559 ทั้งความสำเร็จจากเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ทั้ง 4 โครงการ ได้แก่ บ้านเดี่ยวโครงการเศรษฐสิริ พัฒนาการ, เศรษฐสิริ วงแหวน – ลำลูกกา และ บุราสิริ รังสิต รวมถึงคอนโดมิเนียมโครงการดีคอนโด อ่อนนุช – พระราม 9 คอนโดพร้อมอยู่ ใกล้แอร์พอร์ตลิงค์สถานีบ้านทับช้างเพียง 1.2 กม. ซึ่งมียอดขายไปแล้วถึง 390 ล้านบาท จากมูลค่าโครงการรวม 705 ล้านบาท รวมถึงการจัดงานกระตุ้นตลาดที่อยู่อาศัยส่งท้ายมาตรการรัฐ "ช้าหมดอดมาตรการ" ที่สามารถสร้างยอดขายไปได้ถึงกว่า 800 ล้านบาทในช่วงระยะเวลาการจัดงาน 3 วันช่วงต้นเดือนมีนาคม และการจัดแคมเปญ Uniquely You เหมือนคุณไม่เหมือนใคร ที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าสามารถสร้างยอดขายไปได้ถึงกว่า 1,700 ล้านบาทภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งเดือนที่จัดแคมเปญ ส่งผลให้บริษัทสามารถสร้างยอดขายรวมในช่วงไตรมาสแรกได้กว่า 5,000 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทยังประสบความสำเร็จจากการรุกตลาดต่างชาติ โดยได้รับการตอบรับที่ดีจากการนำที่อยู่อาศัยไปโรดโชว์ทั้งในฮ่องกง และมาเลเซียในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะโครงการเดอะ เบส พาร์คอีสต์ ได้รับการตอบรับจองจากลูกค้าต่างชาติได้เป็นจำนวนมาก ขณะที่โครงการบ้านปลายหาด วงศ์อมาตย์ พัทยา มีการตอบรับที่ดีจากโปรแกรม 'EARN FROM THE HOLIDAYS' ชีวิตพักผ่อนที่มากขึ้น กับผลตอบแทนที่มั่นคง ซื้อลงทุนคอนโดเพียงครั้งเดียว แต่เข้าพักได้กว่า 15 โครงการ ใน 5 เมืองท่องเที่ยวดัง ภูเก็ต-เชียงใหม่-หัวหิน เขาใหญ่-พัทยา สร้างมิติใหม่แห่งการลงทุน เป็นอีกสิ่งที่ดึงดูดให้ลูกค้าต่างชาติสนใจซื้อคอนโดตากอากาศของแสนสิริมากยิ่งขึ้น โดยในปีนี้บริษัทวางเป้าหมายยอดขายจากตลาดต่างชาติไว้ประมาณ 5,000 ล้านบาทสูงขึ้นจากปีที่ผ่านมาซึ่งมียอดขายที่ 3,500 ล้านบาท
"ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในช่วงที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายที่น่าพอใจทำให้เห็นถึงแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจที่ดี ดังนั้นในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ บริษัทจึงได้วางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ประมาณ 7 โครงการ มูลค่า 13,200 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 5 โครงการ และบ้านเดี่ยว 2 โครงการ ทั้งนี้ บริษัทได้เตรียมเปิดโครงการใหม่ภายใต้บริษัทร่วมทุนกับบีทีเอสในช่วงไตรมาสที่สองนี้ รวมทั้งเปิดโครงการต่อเนื่องจากโครงการที่ได้รับการตอบรับที่ดีทั้งในเชียงใหม่และภูเก็ต ได้แก่ "โครงการคอนโดมิเนียมดีคอนโด ซายน์ 2 เชียงใหม่" และ "โครงการบ้านเดี่ยว สราญสิริ เกาะแก้ว ภูเก็ต" โดยตั้งเป้ายอดขายและรายได้ไตรมาส 2 ประมาณ 7,000 – 8,000 ล้านบาท" นายเศรษฐา กล่าว
ปัจจุบันบริษัทมียอดรอรับรู้รายได้ (Presale Backloq) ไปแล้วกว่า 34,045 ล้านบาท ทั้งนี้จากการที่ลูกค้าตอบรับโอนที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทมียอดรอรับรู้รายได้ในปีนี้ไปแล้วถึง 60% จากเป้าหมายรายได้ที่ตั้งไว้ในปีนี้ 36,000 ล้านบาทภายในระยะเวลา 4 เดือนแรกของปีซึ่งนับเป็น presale backlog ที่สามารถ secure เป้ารายได้ที่สูงมาก ดังนั้นจึงยังคงเหลือยอดขายและยอดโอนที่จะต้องทำให้ได้ตามเป้าหมายอีกเพียง 40% บริษัทจึงมั่นใจว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมายรายได้ที่วางไว้ ทั้งนี้บริษัทยังได้เตรียมส่งมอบคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จให้แก่ลูกค้าทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดอีกถึง 29 โครงการทั่วประเทศ รวมถึงโครงการใหม่ซึ่งจะพร้อมโอนในปีนี้อีก 7 โครงการภายใต้แนวทางการดำเนินธุรกิจ Engineer for Growth เพื่อสนับสนุนการเจริญเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืนและเน้นการสร้างอัตรากำไรให้เพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกัน