เมก้า ไลฟ์ไซแอ๊นซ์ ฉลองธุรกิจในเมียนมาครบรอบ 20 ปี มุ่งเป้าเติบโตต่อพร้อมศักยภาพของประเทศ

จันทร์ ๑๘ เมษายน ๒๐๑๖ ๑๗:๐๒
บริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ๊นซ์ จำกัด (มหาชน) บริษัทชั้นนำด้านเวชภัณฑ์คุณภาพสูง และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพสำหรับผู้บริโภคของไทย ฉลองเนื่องในโอกาสดำเนินธุรกิจในเมียนมาครบ 20 ปี และทำรายได้สูงถึง 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในการดำเนินธุรกิจร่วมกับพันธมิตรในประเทศเมียนมาในปีพ.ศ. 2558

ปัจจุบัน รายได้กว่า 1 ใน 3 ของเมก้ามาจากการดำเนินธุรกิจในประเทศเมียนมา โดยมียอดขายร้อยละ 32.3 จากรายได้ทั้งหมดของบริษัทในปี 2558 และได้กลายเป็นแบบอย่างความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจในประเทศเมียนมาให้แก่บริษัทข้ามชาติอื่นๆ ด้วย

เมก้าเข้าไปจัดตั้งบริษัทในประเทศเมียนมาในปี 2538 เพื่อดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายและทำการตลาดสินค้าเวชภัณฑ์ วิตามิน และสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์จัดจำหน่ายอยู่กว่า 70 ประเภท และเป็นผู้นำตลาดอาหารเสริมประเภทเหล็ก แคลเซียม วิตามิน อี และอาหารเสริมบำรุงตับ อีกทั้งยังเป็นผู้นำด้านเวชภัณฑ์และการจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค (FMCG) โดยเป็นตัวแทนจัดจำหน่ายให้กับลูกค้ากว่า 30 บริษัท อาทิ คิมเบอร์ลี คล๊าก (Kimberly-Clark) ไฟเซอร์(Pfizer) จีเอสเค คอนซูเมอร์ เฮลท์ (GSK Consumer Health) และซานโดส (Sandoz) โดยดำเนินธุรกิจภายใต้ชื่อ แม็กซ์แคร์ เมก้านับเป็นบริษัทข้ามชาติรายแรกที่เข้ามาเปิดธุรกิจจัดจำหน่ายในประเทศเมียนมา โดยมีส่วนแบ่งตลาดด้านเวชภัณฑ์ทั้งหมดในเมียนมาราวร้อยละ 15

นายวิเวก ดาวัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และหัวหน้าฝึกอบรม บริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ๊นซ์ จำกัด กล่าวว่า "นับตั้งแต่จุดเริ่มต้นเล็กๆ ในปี พ.ศ. 2538 จนถึงวันนี้ที่เรามีพนักงานมากกว่า 1,400 คน สำนักงาน 9 แห่ง และดำเนินธุรกิจอยู่ในกว่า 50 เมืองในประเทศเมียนมา เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ฉลองครบรอบ 20 ปีของการดำเนินธุรกิจในเมียนมา ตลาดเมียนมาที่กำลังเติบโตนี้เป็นตลาดที่สร้างรายได้เป็นอันดับหนึ่งให้กับเมก้า ไลฟ์ไซแอ๊นซ์ ซึ่งมีธุรกิจอยู่ใน 31 ประเทศทั่วโลก เราภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้ชาวเมียนมามีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ และเราอยากขอบคุณชาวเมียนมาที่สนับสนุนเราเป็นอย่างดี"

ในโอกาสนี้ เมก้ายังได้จัดงานเลี้ยงขอบคุณขึ้นที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติเมียนมาในนครย่างกุ้ง โดยมีพนักงาน พันธมิตร และแขกผู้มีเกียรติกว่า 1,000 คนเข้าร่วมงาน นอกจากนี้ เมก้ายังคาดการณ์ว่าจะคงอัตราการเติบโตของธุรกิจในระดับเลขสองหลักต่อไปในอีก 5 ปีข้างหน้าหรือจนถึงปีพ.ศ. 2563 โดยหวังว่าจะมีการขยายเครือข่ายการจัดจำหน่ายในประเทศเมียนมาควบคู่ไปกับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งนี้เพราะตลาดวิตามินและอาหารเสริมถือเป็นตลาดด้านการรักษาโรคที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ โดยมีมูลค่าถึง 53 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นส่วนแบ่งของตลาดราวร้อยละ 25

"เมื่อครั้งที่เมก้าเริ่มทำธุรกิจในเมียนมา เราตั้งใจสร้างความแตกต่างในประเทศที่กำลังพัฒนาซึ่งมีความจำเป็นในการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพที่ได้มาตรฐานสากล เราตั้งใจเป็นบริษัทรายแรกๆ ที่ทำการขยายธุรกิจไปยังประเทศกำลังพัฒนา เพื่อให้ธุรกิจของเราได้มีโอกาสเติบโตไปพร้อมกับประเทศนั้นๆ ซึ่งการตัดสินใจอย่างแน่วแน่ในครั้งนั้นได้ส่งผลให้ธุรกิจของเมก้าในประเทศเมียนมาที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตถึงร้อยละ 10-15 ต่อปี" นายวิเวก ดาวัน กล่าว

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๐๘:๒๙ บริษัท แอลที กรุ๊ป เทคโนโลยี จำกัด จับมือพาร์ทเนอร์ร่วมทุน รุกตลาดจอ Commercial Display และ Industrial Display ประเภท LCD และ LED
๐๘:๕๐ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ สร้างปรากฏการณ์แห่งความคิดสร้างสรรค์ในงาน TEDxBangkokU 2025
๐๘:๐๐ ไฮเออร์ ผู้นำเครื่องใช้ไฟฟ้าระดับโลก เปิดตัวแอร์ UV Cool Voice Series ใหม่ อัดแน่นเทคโนโลยีสุดล้ำ ชูนวัตกรรม 'AI Voice' 2
๐๘:๐๐ นศ.ปธร. รุ่นที่ 1 สถาบันพระปกเกล้า เชิญร่วมเป็นสปอนเซอร์ สนับสนุนกอล์ฟการกุศล ถ้วยเกียรติยศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
๐๘:๐๐ โปรโมชั่นพิเศษสุดชิค! Work Perks ชวนเพื่อนมาเปลี่ยนวันจันทร์ให้เป็นวัน Hangout สุดมันส์ ที่ The Mesh โรงแรมโฟร์พอยท์ส บาย เชอราตัน สุขุมวิท
๑๗:๑๑ LINE เผยแนวคิดการสร้างแบรนด์สำหรับ SME ไทยแนะเทคนิคใช้โซลูชัน LINE สร้างแบรนด์ ปั้นยอดขายครบวงจร
๑๗:๔๘ ดั๊บเบิ้ล เอ เผยผลประกอบการปี 2567 สุดแข็งแกร่ง! รายได้โตต่อเนื่อง กำไรเพิ่มขึ้น 22.6% เดินหน้าสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ
๑๗:๐๐ เขตสัมพันธวงศ์เร่งติดตามชาวต่างชาติลักลอบติดสติกเกอร์เสาไฟฟ้าย่านเยาวราช
๑๗:๐๐ รางวัล บุคคลเกียรติยศของประเทศ ประจำปี 2567
๑๗:๕๑ Kaspersky รายงานการขโมยข้อมูลธนาคารบนสมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้น 3 เท่าในปี 2024