แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคภูมิแพ้และอิมมูโนวิทยา รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ
ระยะนี้อากาศบ้านเรานับวันยิ่งใกล้ทะลุจุดเดือด แม้ว่าบ้านเราจะเป็นเมืองร้อนก็จริงแต่ถ้าอุณหภูมิสูงขึ้นมาเรื่อยๆ แบบนี้คงทำให้หลายท่านใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในห้องปรับอากาศหรือห้องแอร์ บางบ้านอาจมีเครื่องฟอกอากาศไว้ภายในห้องด้วยเพราะมีความเชื่อว่าจะทำให้อากาศภายในห้องหรือภายในบ้านนั้นดีขึ้น นับว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวและมีความสำคัญมากต่อสุขภาพของเรานะคะ วันนี้หมอจึงมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับการใช้เครื่องปรับอากาศหรือเครื่องฟอกอากาศว่ามีผลต่อคนที่เป็นโรคภูมิแพ้อย่างไรบ้างค่ะ
โดยทั่วไปแล้วโรคภูมิแพ้มีอาการได้หลายระบบของร่างกาย แต่ที่พบได้บ่อยที่สุดคือ "โรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจ" ได้แก่ โรคโพรงจมูกอักเสบภูมิแพ้ (หรือที่เราชอบเรียกกันว่าโรคแพ้อากาศ) และโรคหืด ซึ่งคนที่เป็นโรคโพรงจมูกอักเสบภูมิแพ้นี้จะมีอาการคือ น้ำมูกใส คัดจมูก จาม คันจมูก เป็นหวัดบ่อย คันตา นอนกรน ส่วนในคนที่มีโรคหืดร่วมด้วยก็จะมีอาการไอบ่อย เหนื่อยง่าย หายใจเสียงดังวี้ด แน่นหน้าอก ซึ่งอาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นเมื่อได้รับสิ่งกระตุ้นด้วยสารก่อภูมิแพ้ กลิ่นควัน อากาศเย็น การรักษาภาวะนี้สิ่งที่สำคัญคือ หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นและการใช้ยา
สิ่งกระตุ้นหรือสารก่อภูมิแพ้
สิ่งกระตุ้นหรือสารก่อภูมิแพ้ที่พบบ่อยในบ้านเราคือ ไรฝุ่น ละอองเกสรหญ้า ขนสัตว์ เชื้อรา ซึ่งการนอนในห้องที่มีพัดลมอาจทำให้สารก่อภูมิแพ้ฟุ้งกระจายและก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้กำเริบได้ ดังนั้นการนอนในห้องปรับอากาศหรือห้องแอร์ อาจมีผลลดปริมาณสารก่อภูมิแพ้ที่เป็นละอองเกสรหญ้า นอกจากนี้การใช้เครื่องปรับอากาศมีผลทำให้ลดระดับความชื้นและอุณหภูมิห้อง ซึ่งทำให้ลดการเติบโตเฉพาะตัวไรฝุ่นได้ เนื่องจากสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของไรฝุ่นนั่นเองค่ะ ทั้งนี้ สภาพความชื้นที่เหมาะกับการเจริญเติบโตของไรฝุ่นจะอยู่ที่ประมาณร้อยละ 70-80
สำหรับการใช้เครื่องฟอกอากาศหรือเครื่องกรองอากาศนั้นไม่มีการศึกษายืนยันชัดเจนว่าลดสารก่อภูมิแพ้ไรฝุ่นเนื่องจากไรฝุ่นมีขนาดอนุภาคใหญ่ มักตกลงสู่พื้นหลังการฟุ้งกระจายในอากาศภายในเวลา 5 นาที ดังนั้นตัวไรฝุ่นมักจะอยู่ตามที่นอน หมอน หรือพื้นที่เป็นพรม ซึ่งการใช้ผ้าคลุมไรฝุ่นจะมีประโยชน์ในกรณีนี้ แต่ถ้าจะเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันไรฝุ่นมากขึ้นให้ใช้ร่วมกันทั้งสองวิธีค่ะ อย่างไรก็ตาม การใช้เครื่องฟอกอากาศถือว่ามีประโยชน์มากในสารก่อภูมิแพ้ที่มีอนุภาคเล็กที่ลอยตัวในอากาศได้นาน จำพวกขนสัตว์ ละอองเกสร สปอร์ของเชื้อรา หรือกลิ่นควันบุหรี่
ข้อแนะนำสำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้เมื่อต้องอยู่ในห้องปรับอากาศ
สำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้สิ่งสำคัญที่สุดเมื่ออยู่ในห้องปรับอากาศ คือ ควรล้างทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยทุก 6 เดือน ควรปรับอุณหภูมิห้องให้เหมาะสมและไม่เย็นจนเกินไป ซึ่งช่วงอุณหภูมิที่เหมาะสมจะอยู่ที่ประมาณ 25 องศาเซลเซียส เนื่องจากอุณหภูมิที่เย็นมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการคัดจมูก บางครั้งจมูกแห้ง มีเลือดกำเดาออก หรือไอได้ กรณีที่มีอาการทางจมูกแนะนำให้ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือและใช้ยารักษาสม่ำเสมอก็สามารถลดอาการได้ นอกจากนี้ควรปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม โดยไม่มีพรม ตุ๊กตา หรือของใช้เยอะเกินไป ซึ่งของที่กล่าวมาเหล่านี้จะเป็นแหล่งสะสมของตัวไรฝุ่น ซึ่งสามารถป้องกันได้โดยให้หาผ้าคลุมที่นอนกันไรฝุ่นมาใช้ และซักเครื่องนอนด้วยน้ำร้อนอุณหภูมิอย่างน้อย 60 องศาเซลเซียส สัปดาห์ละ 1 ครั้ง และสุดท้ายเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ คือ การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก็จะทำให้อาการภูมิแพ้ไม่กำเริบจนสามารถใช้ชีวิตเป็นปกติเหมือนเช่นคนอื่นได้ค่ะ