นางสาวนันทยา วงศ์จีน และนายวีระพล ดลประสิทธิ์ จากทีม PC CREATIVE DESIGN นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ เปิดเผยว่า "เรารู้สึกเป็นเกียรติและดีใจมากที่ได้รับรางวัลชนะเลิศจากการประกวดคลิปวิดีโอเชิงสร้างสรรค์ภายใต้โครงการทุนการศึกษา Go Further Innovator พวกเราเห็นว่าหัวข้อในการประกวดซึ่งเกี่ยวกับ Go Further ก้าวไปข้างหน้าเพื่อพัฒนาประเทศไทย รวมถึงแนวคิดหลัก 4 ประการของฟอร์ดนั้น มีความน่าสนใจและเป็นประโยชน์ต่อสังคม ทีม PC Creative Design จึงอยากนำเสนอแนวคิดเรื่องความปลอดภัยบนท้องถนนเพราะเป็นเรื่องที่สำคัญที่ทุกคนควรใส่ใจ เราจึงได้นำเทคโนโลยีอัจฉริยะของฟอร์ดที่มีส่วนช่วยให้ทุกการเดินทางมีความปลอดภัยมาใช้เป็นแนวคิดหลัก ทั้งนี้ ทางทีม PC Creative Design ขอขอบคุณ ฟอร์ด ประเทศไทย และสมาคมพัฒนาประชากรและชุมชนที่ได้จัดโครงการดีๆ เช่นนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนรุ่นใหม่ได้มีเวทีในการแสดงความสามารถพร้อมทั้งนำเสนอแนวคิดดีๆ ให้กับสังคมของเรา"
นางสาวยุคนธร วิเศษโกสิน กรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย เน้นย้ำว่า "ฟอร์ดมีความมุ่งมั่นที่จะเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญในการสนับสนุนด้านการศึกษาและส่งเสริมพฤติกรรมการขับขี่อย่างปลอดภัยให้กับทุกภาคส่วนรวมถึงนิสิตนักศึกษาไทย สำหรับผลงานวิดีโอคลิปที่ได้รับรางวัลชนะเลิศได้เชื่อมโยงเรื่องราวของเทคโนโลยีอัจฉริยะ ความปลอดภัย และคุณภาพของรถยนต์เข้าไว้ด้วยกันได้เป็นอย่างดี โดยดึงเอาเทคโนโลยีอัจฉริยะในรถยนต์ฟอร์ดที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่มาใช้ ซึ่งช่วยสะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพในอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์สมัยใหม่ที่ต้องใส่ใจในรายละเอียดด้านความปลอดภัยและการสร้างคุณค่าให้กับรถยนต์มากยิ่งขึ้น"
ภายในงานมอบรางวัลทุนการศึกษา ฟอร์ดยังได้จัดโครงการฝึกอบรม "Driving Skills for Life" (DSFL) หรือ "ฉลาดขับ ประหยัด ปลอดภัย" ให้แก่นิสิตนักศึกษาที่เข้าร่วมงานเพื่อเสริมสร้างทักษะและปลูกฝังพฤติกรรมด้านการขับขี่อย่างปลอดภัย ผู้เข้าอบรมจะได้เรียนรู้เทคนิคการขับรถยนต์ทั้งในภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ รวมทั้งเทคนิคการขับขี่ที่จะช่วยประหยัดน้ำมัน และลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุภายใต้สถานการณ์จำลองเหตุการณ์คับขันบนท้องถนน
สำหรับโครงการ "Driving Skills for Life" (DSFL) หรือ "ฉลาดขับ ประหยัด ปลอดภัย" เป็นโครงการเพื่อสังคมของ ฟอร์ด ทั่วโลก โดยจัดขึ้นต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 13 แล้ว และจัดขึ้นเป็นปีที่ 9 ในประเทศไทย โดยจัดอบรมให้กับผู้สนใจทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน และประชาชนทั่วไปรวมแล้วกว่า 8,800 ราย ซึ่งผู้เข้าอบรบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น และโครงการนี้ยังได้รับการปรับเนื้อหาให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของการขับขี่ในแต่ละประเทศ