แก้ข่าว อ.ไพรัช ยังไม่ได้รับเป็นวิทยากร ดร.โสภณขอทุกฝ่ายช่วยนักวิชาชีพประเมิน

ประกาศขออภัย

ตามที่ผม (ดร.โสภณ) ใส่ชื่อ อ.ไพรัช มณฑาพันธุ์ นายกสมาคมนักประเมินราคาอิสระไทย เป็นหนึ่งในวิทยากรที่เสนอสมาคมนักประเมินราคาอิสระไทยและสมาคมผู้ประเมินค่าฯ เพื่อจัดอบรมนั้น ท่านแจ้งว่าท่านยังไม่ได้รับการทาบทาม-ยังไม่ได้รับปากกับผม ท่านเกรงว่าจะเกิดความสับสนต่อสมาชิกสมาคม และผู้ที่เกี่ยวข้อง และอาจทำให้ท่านเสียหาย ผมจึงขออภัยไว้ ณ ที่นี้

อนึ่ง ที่ผมใส่ชื่อท่านไว้เช่นนั้น ผมได้เขียนกำกับไว้ด้วยว่า "สำหรับรายชื่อวิทยากรข้างต้นเป็นรายชื่อที่โรงเรียนนำเสนอ" เพื่อให้สมาคมพิจารณานั่นเอง เมื่อหลักสูตรและวิทยากรได้รับการอนุมัติ และกำหนดวัน-เวลาที่แน่ชัดแล้ว จึงจะได้ทาบทามวิทยากรต่อไปเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ผมก็ใคร่ขออภัยที่อาจทำให้เข้าใจผิด และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทางสมาคมทั้งสองจะได้ร่วมกันพิจารณาข้อเสนอของผมที่จะจัดอบรมในราคาถูกเพื่อประโยชน์ของมวลสมาชิกและวิชาชีพประเมินค่าทรัพย์สินโดยผมรับผิดชอบค่าวิทยากรเอง

ด้วยความเคารพ

ดร.โสภณ พรโชคชัย

ผอ.โรงเรียนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย

อนึ่งในเรื่องนี้ เป็นความพยายามของ ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) และเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย (www.trebs.ac.th) ที่เห็นว่าในปัจจุบัน ผู้ประเมินค่าทรัพย์สินของไทยต้องเข้ารับการอบรมความรู้ต่อเนื่อง 20 ชั่วโมงในรอบ 3 ปี และที่ผ่านมาจะเป็นเงินประมาณ 10,000 บาท ซึ่งแม้ไม่ใช่ค่าใช้จ่ายที่สูงมากนัก หากเทียบกับการอบรมทั่วไป แต่ก็ถือเป็นภาระอันหนึ่งของผู้ประเมินค่าทรัพย์สินซึ่งต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเอง โดยบริษัทประเมินค่าทรัพย์สิน มักไม่ได้ช่วยสนับสนุน เพราะถือเป็นความรับผิดชอบเฉพาะตัวของผู้ประเมินค่าทรัพย์สินเอง

คณะกรรมการโรงเรียนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย จึงมีดำริว่า ควรจะเสนอตัวช่วยสมาคมวิชาชีพประเมินค่าทรัพย์สินทั้งสองในการจัดการอบรมความรู้ต่อเนื่อง ด้วยการคิดค่าใช้จ่ายเพียงครั้งละ 700 บาทต่อวัน (7 ชม. 09:00 - 17:00) ทำให้ในระยะเวลา 3 ปี ผู้ประเมินสามารถเข้าอบรมเพียง 3 ครั้ง ก็จะสามารถเก็บชั่วโมงได้ 21 ชั่วโมง (ไม่น้อยกว่า 20 ชั่วโมง) เพียงพอที่จะต่ออายุสมาชิกภาพของผู้ประเมินค่าทรัพย์สินได้แล้ว

ในการนี้ค่าใช้จ่าย 700 บาท เป็นค่าอาหาร เครื่องดื่มเครื่องเคียง สถานที่ เอกสารประกอบการอบรม ส่วนค่าวิทยากร โรงเรียนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย จะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง ทั้งนี้หัวข้อที่เสนอต่อสมาคมในการจัดอบรมในปีแรกนี้ ได้แก่: (โดยวิทยากรที่ระบุยังไม่ได้เรียนเชิญ แต่เสนอให้สมาคมพิจารณา)

1. การเงิน สินเชื่อและประเมินค่าทรัพย์สิน โดย ศ.กิตติ พัฒนพงศ์พิบูล อ.ไพรัช มณฑาพันธุ์ และ ดร.โสภณ พรโชคชัย

2. เจาะลึกเอกสารสิทธิ์และการตรวจสอบตำแหน่งที่ดิน โดย อ.กิตติพงศ์ ผลประยูร อ.วสันต์ คงจันทร์ และ อ.จำนงค์ บัวไขย

3. กรณีศึกษาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องและกระทบต่อมูลค่าทรัพย์สินโดยตรง โดย ผศ.อัศวิน พิชญโยธิน คุณพิชา ดำรงค์พิวัฒน์ ดร.โสภณ พรโชคชัย

4. แนวทางการประเมินค่าทรัพย์สินเพื่อจัดทำราคาประเมินทุนทรัพย์ เวนคืนและการจัดรูปที่ดิน โดย อ.แคล้ว ทองสม อ.บัญญัติ อุยยามวงศ์ และ ดร.โสภณ พรโชคชัย

5. ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับเทคโนโลยีการก่อสร้าง โดย อ.ธวัช มีประเสริฐสกุล (กก.ผจก.บมจ.ไดอิจิ) และ อ.สุรพงษ์ ตรีสุกล (รองกรรมการผู้จัดการ AREA)

6. ความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยกรรมการมูลนิธิประเมินฯ ดร.ประทีป ตั้งมติธรรม นพ.สมเชาว์ ตันฑเทอดธรรม และ อ.อิสระ บุญยัง

สำหรับรายชื่อวิทยากรข้างต้นเป็นรายชื่อที่โรงเรียนนำเสนอ (ยังไม่ได้เชิญเพราะต้องรออนุมัติและมีกำหนดการก่อน) และเป็นผู้ทรงคุณวุฒิชั้นนำที่ให้ความเมตตาบรรยายให้กับหลักสูตรต่าง ๆ ของโรงเรียนอยู่แล้ว ในการนี้โรงเรียนยินดีจะรับสมัครและส่งผลการอบรมให้กับสมาคมในแต่ละครั้ง และจะได้เชิญนายกสมาคมทั้งสองท่านกล่าวเปิดและปิดอบรมพร้อมให้โอวาทแก่ผู้เข้าอบรมด้วย

ดร.โสภณ กล่าวสรุปว่า หากสมาคมทั้งสองเห็นด้วย การจัดอบรมนี้ก็จะสามารถเริ่มได้ทันที และผู้ประเมินค่าทรัพย์สินได้รับการพัฒนาต่อเนื่องด้วยค่าใช้จ่ายในราคาประหยัดนี้ ก็จะยิ่งทำให้มีการแลกเปลี่ยนความรู้มากขึ้น วงวิชาชีพประเมินค่าทรัพย์สินก็จะได้รับการพัฒนายิ่ง ๆ ขึ้นตามวัตถุประสงค์ในการก่อตั้งสมาคมวิชาชีพประเมินค่าทรัพย์สินต่อไป

อ้างอิง: AREA แถลง ฉบับที่ 9/2559: วันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม 2559

ผู้แถลง:

ดร.โสภณ พรโชคชัย ([email protected]) ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA (www.area.co.th): ซึ่งเป็นองค์กรที่มีฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ภาคสนามขนาดใหญ่ที่สุดและปรับปรุงให้ทันสมัยที่สุดในประเทศไทย และดำเนินการเก็บข้อมูลต่อเนื่องมาตั้งแต่ พ.ศ.2537 เป็นศูนย์ข้อมูลที่มีความเป็นกลางทางวิชาการ และเป็นอิสระทางวิชาชีพ โดยไม่ถูกครอบงำโดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียใด ๆ สมาชิกของศูนย์ข้อมูลฯ ได้รับข้อมูลที่เป็น First-hand information ในเวลาเดียวกัน