จาก "ธงชาติ" ถึง "สำนึกแผ่นดิน"
คุณครูธิดา วรวิจิตราพันธ์ ครูผู้ฝึกสอนประจำคณะนักร้องประสานเสียง ลิตเติ้ล แองเจิ้ล ได้เล่าว่า ได้มีโอกาสร่วมงานกับกองทัพบกจากการขับร้องประสานเสียงเพลง "ธงชาติ" ในราวปี 2555 โดยเพลงธงชาติเป็นบทเพลงที่มีเนื้อหากล่าวถึงความหมายของ "ธงชาติไทยที่ไม่ใช่แค่เพียงผืนผ้า เอาสีมาทาให้เป็นสามสี" โดยตั้งใจให้เป็นสื่อในการปลุกจิตสำนึกคนไทยให้รู้คุณแผ่นดิน มีหัวใจรักชาติ และกลับมารักและสามัคคีกันเหมือนเดิม ซึ่งกลุ่มคณะลิตเติ้ล แองเจิ้ลได้ร่วมกันขับร้องเพลงประสานเสียง และเป่าแซกโซโฟน หลังจากนั้น ได้มีส่วนร่วมในโครงการปลุกจิตสำนึกรู้คุณแผ่นดิน และกิจกรรมอื่นที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง เช่น การร้องประสานเสียงเพลงคืนความสุขประเทศไทย บทเพลงสำนึกแผ่นดิน
ร้องด้วยใจ ให้ "ไทย" ได้ไตร่ตรอง
"โจทย์เพลงที่ได้รับมาแต่ละครั้ง ครูจะนำมาปรับคีย์ ปรับคำบางคำเพื่อให้จำง่าย ร้องง่าย ติดหูง่าย โดยยังคงความไพเราะและความหมายที่ต้องการสื่อไว้เหมือนเดิม เมื่อเด็กได้ร้องหรือฟังบ่อย ๆ เพลงเหล่านี้จะถูกซึมซับแบบค่อยเป็นค่อยไปจนกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต ซึ่งระหว่างฝึกซ้อม ครูก็สามารถขยายความจากเนื้อหาของเพลงไปสู่การปลูกฝังพื้นฐานทางจิตใจของเด็กในเรื่องต่าง ๆ เช่น ให้รู้จักการเป็นพลเมืองที่ดี รู้จักสิทธิและหน้าที่ที่พึงกระทำต่อประเทศชาติ และสุดท้ายคือ เกิดสำนึกต่อชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์" ครูธิดา กล่าวเพิ่มเติม
"เมื่อคุณอยากได้สิทธิ คุณต้องทำหน้าที่" เป็นสิ่งที่ครูธิดามักสอนเด็ก ๆ ในระหว่างการร้องเพลงเสมอ
"ครูจะสอนตลอดว่า สิทธิและหน้าที่ต้องมาพร้อมกัน เช่น ถ้าอยากได้สิทธิในการเป็นคณะนักร้องประสานเสียง เด็ก ๆ ต้องมีหน้าที่ คือ ทำตามระเบียบที่กำหนด เพราะการเป็นคณะนักร้องประสานเสียง ต้องฝึกในเรื่องการเป็นผู้นำและผู้ตาม รุ่นน้องต้องเชื่อฟังรุ่นพี่ รุ่นพี่ต้องเอาใจใส่และดูแลรุ่นน้อง เช่น ทานข้าวต้องให้รุ่นน้องไปก่อน ไปล้างมือน้องก็ต้องไปก่อน ต้องเสียสละให้รุ่นน้อง ซึ่งเป็นสิ่งที่เราสามารถฝึกเด็กได้ตั้งแต่ตอนนี้ เมื่อโตขึ้น เขาก็จะเป็นผู้ใหญ่ที่รู้จักหน้าที่ รู้จักดูแลผู้อื่น และพร้อมเสียสละเพื่อส่วนรวม"
และจากการที่เด็กกลุ่มนี้ได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมซึ่งจัดขึ้นตามโครงการปลุกจิตสำนึกรู้คุณแผ่นดินหลายครั้ง ทำให้ได้มีโอกาสสัมผัสรับรู้ถึงว่า ยังมีคนไทยอีกมากมายจากภาคีเครือข่ายหลายภาคส่วนที่ผนึกกำลังร่วมปกป้องสถาบันหลักของชาติในภาพที่ใหญ่ขึ้น เด็กก็จะมีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการนี้ ในทางกลับกัน ยังเป็นการจุดประกายให้กับผู้ใหญ่หลายคนโดยเฉพาะผู้ปกครองที่ตามลูกหลานมาร่วมกิจกรรมได้มีโอกาสซึมซับบรรยากาศ ได้ไตร่ตรองและคิดอยากทำหน้าที่อย่างถูกต้องในฐานะคนไทยที่พึงกระทำต่อแผ่นดินเกิดให้มากขึ้นและดีขึ้นกว่าเดิม โดยมีเสียงเพลงและตัวเด็กเองเป็นแรงบันดาลใจ
"ในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ครูรู้สึกภูมิใจที่ได้มีโอกาสตอบแทนคุณแผ่นดินเท่าที่จะทำได้ โดยอาศัยบทเพลงที่มีเนื้อหากินใจ สามารถเข้าถึงจิตใจของผู้ที่ได้รับฟังได้โดยง่าย มาเป็นเครื่องมือในการปลูกฝังเยาวชนของชาติให้มีจิตสำนึกที่ถูกต้องต่อประเทศชาติ รู้รักสามัคคี และมีความกตัญญูต่อสถาบันพระมหากษัตริย์"
เมื่อสบโอกาสได้พูดคุยกับตัวแทนคณะนักร้องประสานเสียง ลิตเติ้ล แองเจิ้ล น้องกิ๊บ เด็กหญิงปวริศา บัวแก้ว อายุ 8 ขวบ ตอบว่า "รู้สึกสนุก มีความสุขที่ได้ร้องเพลง และรู้สึกภูมิใจที่มีคนดีอยู่ในประเทศชาติเยอะ และกล่าวอีกว่า "หนูจะรักประเทศชาติให้มากที่สุด ไม่ทำร้ายทรัพยากรของประเทศไทย"
น้องบุญญ่า เด็กหญิงบุญญธิดา หุนเจริญ อายุ ๘ ขวบ เป็นอีกหนึ่งคนซึ่งชอบร้องเพลง ยืนยันกับเราว่า "จะไม่ทำให้ประเทศเสียหาย เช่น ไม่ทิ้งขยะในคลอง อยากให้น้ำใส ๆ อยากให้เมืองไทยสงบ"
คุณครูธิดา กล่าวปิดท้ายจากประสบการณ์ว่า เพลงส่วนใหญ่มีอิทธิพลต่อเด็กอย่างมาก จึงเป็นเรื่องดีถ้าเราจะนำบทเพลงที่เกี่ยวข้องกับความรักชาติ ความรักสามัคคี ซึ่งยังมีอยู่อีกมากมาย มาเรียบเรียงให้ง่ายขึ้นเพื่อให้ครูในแต่ละโรงเรียน แต่ละจังหวัดสามารถนำไปสอนเด็ก ๆ ได้ เพราะเพลงหนึ่งเพลง สามารถใช้เป็นสื่อสอนเด็กได้เป็นร้อยคน เป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายและใช้งบประมาณไม่เยอะ เมื่อเด็กสนุกกับการร้องเพลง การซึมซับเนื้อหาที่เราต้องการจะสอนหรือสื่อสารผ่านไปกับบทเพลงต่าง ๆ ก็จะเกิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ
หรืออย่างน้อยที่สุด เสียงเพลงของ "เด็ก ๆ" เหล่านี้ อาจทำให้ "ผู้ใหญ่" หลายคนที่ได้ฟัง ได้หันกลับมาตั้งคำถามและหาคำตอบกับตัวเองว่า เราได้ทำหน้าที่ของคนไทยต่อแผ่นดินไทยได้ถูกต้อง สมบูรณ์ และเพียงพอแล้วหรือยัง...