บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ประกาศความพร้อมส่งออกรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู สู่ประเทศจีนเป็นครั้งแรก พร้อมเผยเตรียมขยายกำลังการผลิตรถยนต์ทั้งสองรุ่น รวมถึงการเปิดสำนักงานจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศไทยเพื่อป้อนสู่เครือข่ายโรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ทั่วโลกอีกด้วย
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย นำโดย มร. เจฟฟรีย์ กอดิอาโน ประธานกรรมการบริหาร พร้อมคณะผู้บริหาร ได้ร่วมในการฉลองการจัดส่งรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูรุ่น X5 และ X3 ซึ่งผลิตและประกอบในประเทศไทย ออกสู่ตลาดในประเทศจีนเป็นครั้งแรก เมื่อวันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2559 โดยมีนาย ปณิธาน จินดาภู รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วยนายวิชัย จิราธิยุต ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ และนายวิศณุ วัชราวนิช ผู้อำนวยการส่วนควบคุมทางศุลกากร กรมศุลกากร ให้เกียรติร่วมเป็นสักขีพยาน ณ ท่าเทียบเรือ A5 ท่าเรือ แหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี
"บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย จะส่งออกรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู X5 และ X3 สู่ประเทศจีนตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2559 เป็นต้นไป เพื่อสนองความต้องการของลูกค้าในประเทศจีนได้มากขึ้น ด้วยการขนส่งที่รวดเร็วและออพชั่นเสริมที่หลากหลาย นอกจากนี้ ด้วยการปรับอุปกรณ์เสริมต่างๆตามความต้องการของตลาดได้กลายมาเป็นส่วนสำคัญของแบรนด์ระดับพรีเมี่ยม เราจึงมีความยินดีที่ได้ตอบสนองความต้องการดังกล่าวให้แก่ลูกค้า เรามั่นใจว่ารถยนต์ทั้งสองรุ่นจะได้รับความนิยมในตลาดประเทศจีนอย่างต่อเนื่อง" มร. กอดิอาโนกล่าว
นายปณิธาน จินดาภู รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ร่วมแสดงความยินดีและกล่าวถึงความสำเร็จ ในครั้งนี้ว่า "อุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยยังคงเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง และได้รับการจัดอยู่ในอันดับที่ 12 ของโลกในด้านการผลิด และติดอันดับ 1 ใน 10 ในด้านการส่งออก การตัดสินใจตั้งฐานผลิตรถยนต์ในประเทศไทยของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป นับเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้เกิดความสำเร็จดังกล่าว และการที่บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย จะทำการจัดส่งรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยูซึ่งประกอบในประเทศไทยออกสู่ตลาดในประเทศจีน ในครั้งนี้ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงสถานะของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ของภูมิภาคเอเชีย ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเราก้าวเข้าสู่ AEC อย่างเต็มรูปแบบ ภูมิภาคอาเซียนจะกลายเป็นตลาดที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน นอกจากนี้ประเทศไทยในฐานะประเทศผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์ในภูมิภาคก็จะได้รับประโยชน์จากการพัฒนานี้ เราจึงขอแสดงความยินดีกับความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยูที่มองเห็นโอกาสอันสำคัญที่ประเทศไทยสามารถมอบให้แก่ผู้ผลิตยานยนต์และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องทั่วโลก"
นอกจากนี้ ยังได้มีการวางแผนลงทุนเพิ่มเติมด้านเงินทุนและทรัพยากรบุคคลสำหรับโรงงานจังหวัดระยอง โดย มร.กอดิอาโน กล่าวว่า "โรงงานของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย สร้างขึ้นในปี 2543 ด้วยความเชื่อมั่นของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ที่มีต่อตลาดในทวีปเอเชีย โดยเฉพาะตลาดประเทศไทย ว่าเป็นตลาดที่สามารถเติบโตได้อย่างมีนัยยะสำคัญ และด้วยความเป็นเอกลักษณ์ของสถานที่ตั้ง ฐานการผลิตที่แข็งแกร่ง และพนักงานผู้เชี่ยวชาญในด้านยนตรกรรม ทำให้บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางการประกอบยนตรกรรมของบีเอ็มดับเบิลยูในภูมิภาคอาเซียน สำหรับในปี 2559 นี้ จะมีการลงทุนเพิ่มอีก 488 ล้านบาท เพิ่มเติมจากยอดเงินลงทุนที่ผ่านมาทั้งสิ้นกว่า 3.7 พันล้านบาท เพื่อรองรับการขยายกระบวนการประกอบภายในโรงงานและเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนี้การขยายสถานที่ใหม่ภายในโรงงานที่ผ่านมา ทำให้เราสามารถรองรับการเรียนการสอนในโครงการศึกษาระบบทวิภาคี หรือ Dual Excellence in Education ภายใต้ความร่วมมือกับวิทยาลัยเทคนิคสัตหีบ และโรงเรียนจิตรลดา (สายวิชาชีพ) เพื่อการฝึกอบรมด้านเมคคาทรอนิกส์ พร้อมอำนวยความสะดวกแก่พนักงานที่ต้องทำงานในกะกลางคืน ที่เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งกะได้ และด้วยกำลังสำคัญจากพนักงานกว่า 900 คน อันเป็นจำนวนพนักงานที่เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวนับจากปีที่ผ่านมา ทำให้ปัจจุบัน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย รองรับกำลังการผลิตรถยนต์ได้มากถึง 20,000 คันต่อปี และมอเตอร์ไซค์ 10,000 คันต่อปี" มร. กอดิอาโนกล่าวเสริม
"บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เป็นโรงงานแห่งแรกและแห่งเดียวของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ที่มีสายการผลิตรองรับการประกอบยนตรกรรมของทั้งสามแบรนด์ ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด และได้รับการยอมรับในฐานะหนึ่งในฐานการผลิตที่มีประสิทธิภาพและความยืดหยุ่นสูงสุดในบรรดาโรงงานของบีเอ็มดับเบิลยูทั่วโลก ทั้งนี้ เป็นผลมาจากความเชี่ยวชาญและความทุ่มเทของพนักงานบีเอ็มดับเบิลยูในประเทศไทย"
"สืบเนื่องจากการจัดซื้อชิ้นส่วนยานยนต์จากประเทศไทยในแต่ละปี เป็นจำนวนมากเพื่อป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตในประเทศและเพื่อส่งออก คิดเป็นมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาทต่อปี บีเอ็มดับเบิลยูจึงเตรียมจัดตั้งสำนักงานจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์ขึ้นในประเทศไทยด้วย เพื่อจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์จากซัพพลายเออร์ในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน เพื่อรองรับเครือข่ายการผลิตของบีเอ็มดับเบิลยู 30 แห่ง ใน 14 ประเทศทั่วโลก" มร. กอดิอาโนกล่าวทิ้งท้าย
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย มีฐานการผลิตที่ครอบคลุมพื้นที่รวมกว่า 78,000 ตร.ม. ตั้งอยู่ ณ นิคมอุตสาหกรรมอมตะ จ.ระยอง โดยโรงงานแห่งนี้ถือเป็นโรงงานแห่งแรกและแห่งเดียวของ
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ที่มีสายการผลิตรองรับการประกอบยนตรกรรมของทั้งสามแบรนด์ ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ณ เดือนเมษายน พ.ศ. 2559 สามารถประกอบรถยนต์และมอเตอร์ไซค์รุ่นต่างๆ ได้ถึง 19 รุ่น ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 1, บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3, บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 Gran Turismo, บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 5, บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 7, บีเอ็มดับเบิลยู X1, บีเอ็มดับเบิลยู X3, บีเอ็ม ดับเบิลยู X4, บีเอ็มดับเบิลยู X5 และ มินิ คันทรี่แมน สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ได้แก่ บีเอ็ม ดับเบิลยู F 800 R, บีเอ็มดับเบิลยู F 800 GS, บีเอ็มดับเบิลยู F 700 GS, บีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS, บีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS Adventure, บีเอ็มดับเบิลยู F 800 GT, บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 R , บีเอ็ม ดับเบิลยู S 1000 RR และบีเอ็มดับเบิลยู S 1000 XR