นายธัช ธงภักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (PPS) เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาสแรกปี 59 ว่า บริษัทมีรายได้รวมจำนวน 62.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 59.16 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 6.35% และมีกำไรสุทธิจำนวน 4.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิจำนวน 1.59 ล้านบาท ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 195.31% ผลประกอบการของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทมีรายได้จากวิศวกรที่ปรึกษาบริหารโครงการก่อสร้างภาคเอกชนเพิ่มขึ้น โดยเป็นโครงการที่บริษัทเข้าไปเริ่มงานตั้งแต่ช่วงปลายปี 58 และเริ่มทยอยรับรู้รายได้ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา อีกทั้งบริษัทย่อยเริ่มมีการรับรู้รายได้จากการส่งงานออกแบบในประเทศกัมพูชา
ทั้งนี้บริษัทยังคงเดินหน้าเสนองานวิศวกรที่ปรึกษาบริหารโครงการก่อสร้างทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชนอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดบริษัทได้เข้าร่วมประมูลงานภาครัฐที่เริ่มดำเนินการขาย TOR ออกมาอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะทราบผลโครงการแรกที่เสนอในช่วงต้นไตรมาส 3 ซึ่งหากบริษัทชนะการประมูลโครงการดังกล่าว จะสามารถเริ่มงานและรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 3 และต่อเนื่องไป
ส่วนโครงการภาคเอกชนปัจจุบันงานในมือส่วนใหญ่เป็นโครงการคอนโดมิเนียม และงานปรับปรุงและต่อขยายพื้นที่เดิมของห้างสรรพสินค้า นอกจากนี้ยังคงดูแลโครงการใหม่ขนาดเล็กของธุรกิจค้าปลีกชั้นนำอีกหลายโครงการ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังแนวโน้มงานภาครัฐและเอกชนจะทยอยลงทุนใหม่มากขึ้นในหลายภาคธุรกิจซึ่งเป็นผลจากความเชื่อมั่นในการลงทุนที่นำโดยภาครัฐ ขณะนี้บริษัทมีการเตรียมความพร้อมโดยทยอยรับพนักงานเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับงานที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างต่อเนื่อง
สำหรับงานในกลุ่มประเทศ AEC ที่บริษัทได้เข้าไปรับงานบริหารโครงการก่อสร้างห้างสรรพสินค้าในประเทศมาเลเซียช่วงต้นปีที่ผ่านมา ส่วนงานใหม่โครงการที่อยู่อาศัยในประเทศกัมพูชา ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการด้านสัญญาและเตรียมความพร้อมของทีมงานที่จะส่งเข้าไปดูแลโครงการ คาดว่าโครงการในประเทศกัมพูชาจะสามารถเริ่มดำเนินงานได้ในเร็วๆนี้
"PPS รุกเดินหน้าเสนองานในส่วนต่างๆ เพิ่มมากขึ้น เพื่อเพิ่มผลประกอบการให้อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ เนื่องจากปีที่ผ่านมาผลประกอบการชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจในประเทศ และความล่าช้าของการลงทุนโครงการก่อสร้างทั้งของภาครัฐและเอกชนไม่เป็นไปตามเป้าหมายเวลาที่วางไว้ ปัจจุบันบริษัทมี Backlog อยู่ที่ 253 ล้าน บาท ทยอยรับรู้รายได้ถึงปี 2561 และตั้งเป้ารายได้รวมไว้ที่ 300 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 28% จากปีก่อน" นายธัช กล่าว
นอกจากนี้การประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 59 ที่ผ่านมา คณะกรรมการได้รับอนุมัติในการออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทรุ่นที่ 1 ("PPS-W1") จำนวนไม่เกิน 240 ล้านหน่วย ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมโดยไม่คิดมูลค่า (รวมทั้งผู้ถือหุ้นที่ได้รับหุ้นปันผล) อายุ 2 ปี 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิฯ ใบสำคัญแสดงสิทธิฯ 1 หน่วย มีสิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนได้ 1 หุ้น ราคาการใช้สิทธิเท่ากับ 0.40 บาท/หุ้น