การบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่ลดลง 16% โดยเฉพาะต้นทุนค่าเชื้อเพลิง และรายได้จากส่วนแบ่งกำไรของกิจการร่วมทุนเพิ่มขึ้น 81% ส่งผลให้กำไรเพิ่มขึ้น
ทบทวนแผนกลยุทธ์ปรับทิศทางธุรกิจและการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) รายงานผลการดำเนินงานของบริษัทฯ งวดไตรมาส 1 ปี 2559 ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีกำไรสำหรับงวด จำนวน 1,259 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากงวดเดียวกันของ ปี 2558 ส่วนกำไรก่อนต้นทุนทางการเงินและภาษีเงินได้ (EBIT) จำนวน 1,895 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสแรกของปี 2558 ทั้งนี้ การบริหารสินทรัพย์ที่เป็นกิจการร่วมทุน และการจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะต้นทุนค่าเชื้อเพลิง ส่งผลให้ผลประกอบการในไตรมาสนี้เติบโตเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเตรียมรับรู้รายได้ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการผลิตไฟฟ้านวนคร (NNEG) ที่กำลังจะเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในเดือนมิถุนายน ศกนี้ด้วย
นายรัมย์ เหราบัตย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าผลการดำเนินในไตรมาสนี้แสดงถึงความมุ่งมั่นในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนแก่บริษัทฯ ในปีนี้บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญกับ 5 งานหลัก นอกเหนือจากการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่าย ได้แก่ 1) การเพิ่มประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าที่เป็นแหล่งรายได้หลัก คือโรงไฟฟ้าราชบุรี และไตรเอนเนอจี้ ซึ่งมีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 4,345 เมกะวัตต์ คิดเป็น 64% ของกำลังติดตั้งรวม 2) การติดตามประสิทธิภาพการดำเนินงานของกิจการร่วมทุน (ถือหุ้นน้อยกว่า 50%) เพื่อให้มั่นใจว่ารายได้จากส่วนแบ่งกำไรเป็นไปตามที่ประมาณการไว้ 3) เร่งรัดและติดตามโครงการที่กำลังก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามกำหนดเวลา เพื่อให้บริษัทฯ มีรายได้เพิ่มขึ้น 4) ทบทวนและปรับแผนกลยุทธ์และเป้าหมายให้สอดคล้องกับสภาพการแข่งขันทางธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ 5) ศึกษาโครงการใหม่ที่มีอยู่ในมือให้ได้ข้อสรุปโดยเร็ว เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทฯ ในอนาคต
"บริษัทฯ กำลังทบทวนแผนกลยุทธ์หลังจากที่ปฏิบัติใช้มาแล้ว 3 ปี เนื่องจากสภาวะธุรกิจและการแข่งขันเปลี่ยนแปลงมาก จึงต้องปรับให้สอดคล้องกับสภาพปัจจัยภายในและภายนอก เพื่อให้ทิศทางการลงทุนเหมาะสมเอื้อต่อการเติบโตในอนาคต และแผนดังกล่าวจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3 นี้ นอกจากนี้ เรายังเน้นกำกับดูแลประสิทธิภาพการผลิตและความสามารถในการทำกำไรของสินทรัพย์หลักและกิจการร่วมทุน โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าราชบุรี ไตรเอนเนอจี้ และโรงไฟฟ้าหงสา เพราะเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูงและส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการดำเนินงานของบริษัทฯ ส่วนโครงการที่กำลังก่อสร้างก็ได้ติดตามเร่งรัดอย่างใกล้ชิด อาทิ โครงการผลิตไฟฟ้านวนคร ซึ่งก่อสร้างแล้วเสร็จและอยู่ระหว่างทดสอบเดินเครื่อง โดยมีกำหนดเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในเดือนมิถุนายน ศกนี้ ส่วนโครงการพลังน้ำเซเปียนเซน้ำน้อยใน สปป. ลาว ก่อสร้างก้าวหน้าไปได้ 47% ดีกว่าแผนงานที่วางไว้" นายรัมย์ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีโครงการใหม่ที่อยู่ระหว่างการศึกษาและเตรียมพร้อมลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งได้เร่งดำเนินการเพื่อให้ได้ข้อสรุปโดยเร็ว โครงการส่วนใหญ่เป็นประเภทกรีนฟิลด์ อาทิ โครงการพลังงานลม และแสงอาทิตย์ในออสเตรเลีย โครงการพลังน้ำใน สปป. ลาว โครงการชีวมวล และโครงการผลิตไฟฟ้านวนคร เฟสที่ 2 ในไทย เป็นต้น
"การดำเนินงานของบริษัทฯ ยังแข็งแกร่งและสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยโครงการที่ลงทุนแล้วในปัจจุบันมีกำลังผลิตรวม 390 เมกะวัตต์ จะทยอยสร้างรายได้เพิ่มให้บริษัทฯ จนถึงปี 2562 และจะทำให้กำลังผลิตที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้นเป็น 6,810 เมกะวัตต์ จากปีนี้ที่ 6,416 เมกะวัตต์ ถึงกระนั้น บริษัทฯ ยังมุ่งแสวงหาการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนเหมาะสม โดยขยายโอกาสไปยังธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องด้านพลังงานและกระจายไปยังธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่พลังงาน ซึ่งกำลังศึกษาความเป็นไปได้ในหลายประเภทธุรกิจ โดยจะเน้นในประเทศเป็นลำดับแรก" นายรัมย์ กล่าวปิดท้าย
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ปี 2559 บริษัทฯ มีรายได้จำนวน 13,796 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นรายได้ค่าขายไฟจากโรงไฟฟ้าราชบุรีและไตรเอนเนอจี้จำนวน 11,410 ล้านบาท คิดเป็น 83% ของรายได้รวม นอกจากนี้ยังมีรายได้จากส่วนแบ่งกำไรของกิจการร่วมทุนจำนวน 358 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 81% ส่วนต้นทุนและค่าใช้จ่ายรวม มีจำนวน 11,931 ล้านบาท ลดลง 15% โดยต้นทุนค่าเชื้อเพลิง ลดลง 16%
ฐานะการเงินของบริษัทฯ ณ วันที่ 31มีนาคม 2559 มีสินทรัพย์รวมจำนวน 92,115 ล้านบาท หนี้สินจำนวน 30,083 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 62,032 ล้านบาท มีเงินสดและเงินลงทุน รวมจำนวน 7,950 ล้านบาท และกำไรสะสมจำนวน 47,210 ล้านบาท