นายทัตซึยะ โคโนชิตะ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL กล่าวชี้แจงว่า ผลประกอบการในไตรมาสที่ 1 สิ้นสุดเดือนมีนาคมปีนี้ สะท้อนถึงพัฒนาการของธุรกิจในทุกกลุ่มซึ่งรวมถึงธุรกิจหลักของบริษัทแม่ในประเทศไทยและธุรกิจในเครือในภูมิภาคอาเซียนทั้งหมด โดยปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้ยอดกำไรพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก ประกอบด้วย ยอดปล่อยสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจในกัมพูชาและ สปป.ลาว รวมถึงคุณภาพสินทรัพย์โดยรวมที่ดีขึ้น ซึ่งส่งผลให้การตั้งสำรองหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญลดต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญ
นายทัตซึยะ ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ผลการดำเนินงานในประเทศไทยมีพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน ในขณะที่รายได้อื่นๆ ซึ่งประกอบด้วย การปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้ากลุ่มใหม่ในกัมพูชา ซึ่งเป็นบริษัท SMEs ที่จำหน่ายสินค้าต่างๆ ให้กับลูกค้าสินเชื่อเช่าซื้อของ GL อาทิ รถจักรยานยนต์ เครื่องจักรกลการเกษตร แผงโซล่าร์เซลล์และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยบันทึกเป็นผลกำไรของบริษัท GL Holdings (GLH) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ประเทศสิงคโปร์ ส่วนธุรกิจใหม่ใน สปป.ลาว ก็เริ่มมีกำไรในไตรมาสนี้
นายทัตซึยะกล่าวชมเชยผู้บริหารของบริษัทแม่ในประเทศไทย ที่บริหารจัดการธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพเต็มที่ โดยคุณภาพสินทรัพย์ของพอร์ตสินเชื่อในประเทศไทยมีพัฒนาการดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้ระดับหนี้ NPL ปรับลดลงจากมากกว่า 10% เมื่อต้นปีที่แล้ว ลงมาเหลือเพียง 6.5% ในปัจจุบัน
ทั้งนี้ ในรายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเช้าวันที่ 13 พฤษภาคม บริษัทฯ ชี้แจงว่ารายได้จากดอกผลเช่าซื้อในงบการเงินรวมเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพียง 1.47 ล้านบาท เป็น 484.70 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากรายได้ของบริษัทย่อยในกัมพูชาและ สปป.ลาว จำนวน 80.77 ล้านบาท และ 16.04 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม รายได้จากดอกผลเช่าซื้อของบริษัทแม่ในประเทศไทยและธนบรรณลดลงจำนวน 50.33 ล้านบาท และ 45.01 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของบริษัทฯ ในการมุ่งเน้นขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชียที่มีศักยภาพการเติบโตสูงกว่าและมีอัตราสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในระดับต่ำ
ในรายงานที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัทฯ ยังได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่ารายได้อื่นๆ ในงบการเงินรวมเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 89.70 ล้านบาทในไตรมาส 1 ของปีที่แล้ว เป็น 173.49 ล้านบาทในไตรมาส 1 ปีนี้ โดยเพิ่มขึ้น 83.80 ล้านบาท หรือคิดเป็น 93.42% ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นรายได้ดอกผลจากการปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้ากลุ่มใหม่ในประเทศกัมพูชา ที่เป็นผู้ประกอบการ SMEs จำหน่ายสินค้าต่างๆ ให้กับลูกค้าสินเชื่อเช่าซื้อของ GL
นอกจากนั้น กำไรสุทธิที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากยังสะท้อนถึงการตั้งสำรองเผื่อหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญที่ปรับลดต่ำลง ซึ่งสอดคล้องกับคุณภาพของสินทรัพย์ โดยเฉพาะในประเทศไทยที่ปรับดีขึ้นตามภาวการณ์ฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ในขณะที่ผลขาดทุนจากการจำหน่ายสินทรัพย์รอการขายได้ปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จาก 107.10 ล้านบาท เป็น 57.25 ล้านบาท โดยลดลง 49.85 ล้านบาท หรือคิดเป็น 46.54% ซึ่งเป็นผลจากการที่ราคาตลาดรถมอเตอร์ไซค์มือสองปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและปริมาณสินทรัพย์รอการขายเพิ่มขึ้นจากการขยายสินเชื่อ นอกจากนี้ บริษัทฯ ย่อยในต่างประเทศมีอัตราการค้างชำระที่ต่ำมากจากคุณภาพหนี้ที่ดี ส่งผลให้ไม่มีผลขาดทุนจากการจำหน่ายสินทรัพย์รอการขาย