นางสาวอัญรัตน์ พรประกฤต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด (มหาชน) หรือJUBILE เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ บริษัทยังคงนโยบายให้ความสำคัญกับการเพิ่มกำไรสุทธิมากกว่ายอดขาย หลังผลประกอบการ ไตรมาส 1 ปี 2559 ออกมาดี บริษัทมีกำไรสุทธิที่ 34.45 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 22.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ยังคงชะลอตัวอยู่ โดยคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 10.47% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตรากำไรสุทธิ 8.80%
สาเหตุที่บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้นนั้น เป็นผลมาจาก จากการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานของบริษัท ทั้งการบริหารต้นทุนสินค้าที่ดีขึ้น การบริหารสัดส่วนสินค้าที่วางจำหน่ายมีประสิทธิภาพมากขึ้น การต่อรองกับซัพพลายเออร์ประสบผลสำเร็จ นอกจากนี้ยังมีการวางกลยุทธ์การขายและการตลาดที่ได้ผล โดยเฉพาะการใช้การตลาดออนไลน์ ซึ่งลดต้นทุนได้มาก รวมไปถึงการที่บริษัทสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารได้อย่างดี
"เราได้วางยุทธศาสตร์ในการปรับปรุงประสิทธิภาพ การลดต้นทุน มาตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาส 3 ปีทีผ่านมา ซึ่งก็เห็นผลสำเร็จอย่างมากในไตรมาส 4 ปี 2558 และ ต่อเนื่องมายังไตรมาส 1 ปี 2559 ที่บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้นมาก ถือว่าเรามาถูกทาง ส่วนช่วงไตรมาส 2 จนถึงขณะนี้บริษัทยังสามารถควบคุมต้นทุนได้ดีมากเช่นกัน" นางสาวอัญรัตน์ กล่าว
ส่วนกลยุทธ์การขายจะให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ดีไซน์ใหม่ๆ และมีจำนวนจำกัด รวมไปถึงจะเน้นเพิ่มยอดขายสาขาเดิมให้มากขึ้น ซึ่ง ณ สิ้นเดือนเมษายน บริษัทมีสาขาทั้งสิ้น 124 สาขา ส่วนการขยายสาขาในปี 2559 วางเป้าไว้ 5 สาขา สอดคล้องกับการขยายตัวของห้างสรรพสินค้า และจะมีบางสาขาที่จะยกระดับจาก คีย์ออส ขึ้นเป็น ร้านเพชร
สำหรับแนวโน้มของตลาดเพชรนั้นยังคงมีความต้องการสูงกว่าจำนวนผู้ผลิตเพชรอย่างมาก ซึ่งทำให้แนวโน้มของราคาเพชรยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนกำลังซื้อในประเทศนั้นเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นมาบ้าง โดยเฉพาะในกลุ่มภาคกลาง และ ภาคเหนือ ที่หันมาซื้อเพชรเพิ่มขึ้น
บริษัทยังคงได้รับความไว้วางใจจาก กองทุนเทมเพิลตัน ที่ถือหุ้นของบริษัทมาอย่างยาวนาน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงผลตอบแทนที่บริษัทให้กับผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะการจ่ายปันผลที่เป็นจุดเด่นของบริษัทมาโดยตลอด ด้วยนโยบายจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 60% ของกำไรสุทธิ และจ่ายปันผลปีละ 2 ครั้งมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งทำให้นักลงทุนในระยะยาวได้รับผลตอบแทนเป็นที่น่าพอใจ
ทั้งนี้ บริษัทรายงานผลประกอบการไตรมาส 1 ว่า บริษัทมียอดขายจำนวน 329.01 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 10.8% เป็นผลมาจากการชะลอตัวของสภาวะเศรษฐกิจไทย ที่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าของลูกค้าบางส่วนในเขตกรุงเทพและปริมณฑล แต่ในส่วนกำไรกลับเพิ่มขึ้นอย่างมาก กำไรขั้นต้นในไตรมาส 1 ปี 2559 เท่ากับ 151.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 6.8% ส่วนกำไรสุทธิมีมูลค่า 34.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 22.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน