นายไชยณรงค์ จันทร์พลังศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยโพลีคอนส์ จำกัด (มหาชน) (TPOLY) เปิดเผยว่า ผลประกอบการในไตรมาส 1/2559 บริษัทฯ พลิกมีกำไรสุทธิ 45.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 483.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 11.8 ล้านบาท หลังจากที่ ได้ปรับปรุงพัฒนาธุรกิจด้วยความมุ่งมั่น เพื่อให้มีความก้าวหน้าไปอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจโรงไฟฟ้า มีรายได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจโรงไฟฟ้าได้เปิดโครงการใหม่ที่ขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์แล้วในไตรมาส 1/2559 รวมแล้วเป็นจำนวน 2 โครงการ และในไตรมาส 2/2559 อีก 1 โครงการ
ส่วนธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โครงการทาวน์โฮม Greenwich Town Home รามอินทรา มูลค่าโครงการ 740 ล้านบาท จำนวน 174 ยูนิต มีการขายโอนไปแล้วจนถึงไตรมาส1 ที่ผ่านมา จำนวน 133 ยูนิต โดยมียอดขายแล้วรอโอนยกมาในไตรมาส 2/2559 อีก 9 ยูนิต คงเหลือรอขาย 33 ยูนิต หรือคิดเป็นความคืบหน้าด้านการขายไปแล้วกว่า 81% และคาดว่าจะสามารถปิดการขายของโครงการดังกล่าวได้ภายในปีนี้
ขณะที่โครงการใหม่ โครงการ Greenwich Prime หทัยราษฎร์ มูลค่าโครงการ 350 ล้านบาท ขนาดโครงการ 20 ไร่ แบบบ้านเดี่ยว 94 ยูนิต ปัจจุบันมีความคืบหน้าในการชำระค่าที่ดินไปแล้ว 100% และคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างโครงการได้ภายในกลางปีนี้ ซึ่งจะเริ่มขายได้ภายในปลายปีและจะทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง
"แนวโน้มของธุรกิจในปีนี้ ในส่วนของธุรกิจก่อสร้าง มีรายได้ที่จะทยอยรับรู้จากโครงการเดิมและโครงการใหม่ที่จะมีเข้ามาอีก โดยบริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าประมูลงานโครงการใหม่เข้ามาอีกอย่างต่อเนื่อง แต่จากการที่บริษัทฯ มีนโยบายในการเลือกรับงานโครงการที่มีความเหมาะสม โดยมีคุณภาพงานที่ดีและการดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทฯ จึงอยู่ในช่วงการเข้าประมูลงานใหม่ ซึ่งเมื่อรับงานโครงการใหม่แล้วนั้น จะทำให้บริษัทฯ มีผลประกอบการที่ดี มีผลกำไรและเติบโตได้อย่างมั่นคง รวมทั้งในส่วนของธุรกิจพลังงาน ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจการค้าอยู่ในช่วงขยายกิจการ เติบโตอย่างต่อเนื่อง" นายไชยณรงค์ กล่าวในที่สุด
อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัทฯ ยังคงตั้งเป้ารายได้เติบโต 10% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2558 ที่ทำได้ 2,282.16 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ประมาณ 4,500 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทฯ มีแผนที่จะเข้าประมูลงานทั้งปีรวมแล้วกว่า 10,000 ล้านบาท โดยเชื่อมั่นว่าจะได้รับงานดังกล่าวไม่น้อยกว่า10% อย่างแน่นอน ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนให้ผลประกอบการของบริษัทกลับมาเทิร์นอะราวด์และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้ในอนาคต