บลจ.ไทยพาณิชย์ โชว์ผลงานบริหารกองหุ้นไทย ประกาศจ่ายปันผล SCBDV-SCBSE 25 พ.ค.นี้

พุธ ๑๘ พฤษภาคม ๒๐๑๖ ๑๑:๕๘
นายสมิทธ์ พนมยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยถึงสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยในขณะนี้ว่า ได้ปรับตัวขึ้นมากกว่า 10% แล้วจากช่วงต้นปี 59 ซึ่งเป็นผลจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และราคาน้ำมันเริ่มมีเสถียรภาพ ส่งผลบวกต่อหุ้นขนาดใหญ่ ดังนั้นบริษัทฯ จึงเตรียมที่จะจ่ายเงินปันผลกองทุนหุ้นที่ลงทุนในตลาดหุ้นไทย พร้อมกันจำนวน 2 กองทุน ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 25 พฤษภาคม 2559 นี้ ประกอบด้วย กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นทุนปันผล (SCBDV) สำหรับผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม 2558 ถึง 30 เมษายน 2559 และกำไรสะสมในอัตรา 0.100 บาทต่อหน่วย

สำหรับกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นทุนปันผล (SCBDV) ถือเป็นกองทุนที่สร้างผลการดำเนินงานที่โดดเด่นโดยนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2546 โดยจ่ายเงินปันผลไปแล้วถึง 14.87 บาทต่อหน่วย กองทุนนี้มีนโยบายการลงทุนด้วยการคัดเลือกลงทุนหุ้นที่มีอัตราการเติบโตในระดับปานกลาง-สูง ฐานะการเงินแข็งแรง สามารถจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง โดยตั้งแต่ต้นปี 2559 จนถึงปัจจุบัน (13 พฤษภาคม 2559) สามารถสร้างผลตอบแทนอยู่ที่ 7.80% ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 9.09% และตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 22.10%

และอีก 1 กองทุนที่มีผลงานดี คือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ซีเล็คท์ อิควิตี้ ฟันด์ (SCBSE) สำหรับผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1สิงหาคม 2558 ถึง วันที่ 30 เมษายน 2559 จ่ายปันผลในอัตรา 0.200 บาท ต่อหน่วย โดยแบ่งเป็นการจ่ายปันผลระหว่างกาลไปแล้วเมื่อ 18 กุมภาพันธ์ 2559 ในอัตรา 0.100 บาทต่อหน่วย และสำหรับการจ่ายปันผลงวดวันที่ 25 พฤษภาคม 2559 นี้อีก 0.100 บาทต่อหน่วย ซึ่งถือเป็นการจ่ายปันผล รวมทั้งสิ้น 5.0600 บาทต่อหน่วย นับจากจัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 28 มิ.ย.2544

ทั้งนี้กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ซีเล็คท์ อิควิตี้ ฟันด์ เป็นกองทุนที่มีกลยุทธ์การลงทุนด้วยวิธี Active Approach โดยการคัดเลือกลงทุนในหุ้นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่น่าสนใจลงทุนมากที่สุดและสอดคล้องกับแนวโน้มการลงทุนในขณะนั้น โดยจะใส่น้ำหนักการลงทุนมากน้อยตามความน่าสนใจของหุ้นนั้น และกองทุนจะลงทุนในหุ้นไม่เกิน 30 ตัว จึงเหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงในระดับสูงได้ โดยนับตั้งแต่ต้นปี 2559 จนถึงวันที่ 13 พฤษภาคม 2559 สามารถสร้างผลตอบแทนอยู่ที่ 8.08% ย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 11.39% และนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 14.89%

นายสมิทธ์ กล่าวว่า สำหรับภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทยระยะต่อไปจะยังคงได้รับแรงสนับสนุนจากการใช้จ่ายภาครัฐ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และการท่องเที่ยวที่ยังขยายตัวได้ดี แต่อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นไทยจะยังคงมีความเสี่ยงจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ แนวโน้มการปรับตัวเพิ่มขึ้นของ NPLs และปัญหาหนี้ครัวเรือนที่กดดันการบริโภคภาคเอกชน

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ