สคร.10 อุบลฯ ห่วงเปิดเทอม โรคมือเท้าปาก ระบาด

จันทร์ ๒๓ พฤษภาคม ๒๐๑๖ ๑๑:๐๙
สคร.10 อุบลฯ ห่วงเปิดเทอม เสี่ยงโรคมือเท้าปาก ระบาด โดยเฉพาะเด็กเล็กอยู่รวมกัน ง่ายต่อการระบาด แนะศูนย์เด็กเล็ก ร.ร.อนุบาล ตรวจคัดกรองทุกวัน หากมีไข้ให้แยกเด็กป่วย หยุดเรียน และรักษาทันที

นพ.ศรายุธ อุตตมางคพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 10 จ.อุบลราชธานี (สคร.10) เปิดเผยว่า ตั้งแต่ต้นปี 2559 เป็นต้นมา ประเทศไทย พบ รายงานของโรคมือเท้าปากเพิ่มสูงมากขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยมีรายงานผู้ป่วยสะสม (มกราคม - กุมภาพันธ์ ปี 2559 จำนวน 7195 ราย มากกว่าปี 2558 ซึ่งมีจำนวนผู้ป่วยเพียง 6,004 ราย) และในช่วงที่เด็กนักเรียนเปิดเทอมการระบาดของโรคจะยิ่งเพิ่มขึ้น เนื่องจากเด็กอยู่รวมกันจำนวนมาก อาจเกิดการแพร่กระจายของเชื้อโรคได้ง่ายขึ้น จึงคาดว่าเมื่อเปิดภาคเรียนแล้ว จะมีแนวโน้มพบผู้ป่วยโรคมือ เท้า ปาก เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็ก เนื่องจากเด็กยังไม่มีภูมิคุ้มกันที่มากเพียงพอ ซึ่งกลุ่มระบาดวิทยาฯ ได้พยากรณ์โรคมือเท้าปากในภาพรวมของ 5 จังหวัดในเขตสุขภาพที่ 10 ได้แก่ จังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ ยโสธร มุกดาหาร คาดว่าจะมีจำนวนผู้ป่วยโรคมือเท้าปาก มากถึง 1,519 ราย กระจายในทุกเดือน

นพ.ศรายุธ กล่าวอีกว่า เด็กที่ติดเชื้อโรคมือเท้าปาก จะมีไข้ 1-2 วัน จากนั้นจะมีตุ่มหรือแผลในปากคล้ายแผลร้อนใน อาจมีหลายแผลส่วนใหญ่จะพบที่บริเวณคอหอยหรือใกล้ต่อมทอนซิล หากอาการรุนแรงจะลามมาที่ลิ้นกระพุ้งแก้ม ทำให้เด็กเจ็บในปากและคอ ไม่ยอมดูดนม กินอาหารไม่ได้ส่วนใหญ่เด็กที่ป่วยอาการจะค่อยดีขึ้นเรื่อยๆ และหายได้เองภายใน 7 วันมีจำนวนน้อยที่มีอาการรุนแรง คือมีไข้สูง อาจมีอาการชัก แขนขาอ่อนแรงโรคนี้ไม่มีวัคซีนป้องกันและไม่มียารักษาโดยเฉพาะ แพทย์จะให้การรักษาตามอาการ เช่น การลดไข้ด้วยยาหรือเช็ดตัวบ่อยๆ ด้วยน้ำธรรมดานอนพักมากๆ รับประทานอาหารอ่อนๆ เช่น โจ๊กหรือข้าวต้มหากมีอาการรุนแรงควรนำส่งโรงพยาบาลทันที

ซึ่งวิธีการป้องกันให้ห่างไกลโรคนี้คือ รักษาสุขอนามัยให้สะอาดอยู่เสมอ โดยเฉพาะผู้ดูแลเด็ก ผู้ประกอบอาหาร และเด็กๆทุกคน ต้องล้างมือฟอกสบู่ให้สะอาดทุกครั้งหลังเข้าห้องส้วม หรือสัมผัสกับน้ำมูก น้ำลายหรือเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เด็ก และก่อนเตรียมอาหารหรือก่อนรับประทานอาหารทุกชนิด หมั่นตรวจดูแผลในช่องปากของลูกหลานหากมีแผลหรือตุ่มให้รีบไปพบแพทย์ หากมีเด็กป่วยในโรงเรียน ให้แยกเด็กออกจากกลุ่มเด็กปกติและแยกของใช้ส่วนตัว เช่น แก้วน้ำ ช้อนส้อม หลอดดูดและทำความสะอาดพื้นห้องหรือพื้นที่อื่นๆ ที่เด็กสัมผัสบ่อยๆเช่นลูกบิดประตู ราวบันได ด้วยน้ำผสมผงซักฟอกแล้วตามด้วยน้ำผสมน้ำยาทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของคลอรีน เช่น ไฮเตอร์แล้วล้างซ้ำด้วยน้ำสะอาด เพื่อป้องกันสารเคมีตกค้าง ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการข้อมูลฮ็อตไลน์กระทรวงสาธารณสุขโทรฟรีหมายเลข 1422 /นพ.ศรายุธ กล่าวปิดท้าย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๐๒ ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๑๗:๑๖ กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๑๗:๕๕ Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๑๗:๔๗ โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๑๗:๑๒ ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๑๗:๐๐ กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๑๖:๐๐ WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ