สพฉ. จับมือกระทรวงสาธารณสุข รพ.รัฐและเอกชน ปรับระบบการรักษาผู้ป่วยฉุกเฉิน ย้ำหากเจ็บป่วยฉุกเฉินสามารถเข้ารักษาในโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดได้ฟรี

พฤหัส ๒๖ พฤษภาคม ๒๐๑๖ ๑๖:๓๕
สพฉ. จับมือกระทรวงสาธารณสุข รพ.รัฐและเอกชน ปรับระบบการรักษาผู้ป่วยฉุกเฉิน 6 ข้อ ย้ำหากเจ็บป่วยฉุกเฉินสามารถเข้ารักษาในโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดได้ฟรี ตามนโยบายรักษาทุกที่ดีทุกสิทธิ์ เพื่อประโยชน์ของผู้ป่วยฉุกเฉินและลดอัตราการเสียชีวิต ย้ำต้องแจ้งเหตุผ่านสายด่วน 1669 เพื่อเข้าระบบ ยืนยันครอบคลุมการให้บริการทั้งทางบก น้ำ และอากาศยาน

นพ.อนุชา เศรษฐเสถียร เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กล่าวถึง การพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินตามนโยบายรักษาทุกที่ดีทุกสิทธิ์ (EMCO) ว่า ตามหลักการแล้ว เมื่อประชาชนเจ็บป่วยฉุกเฉิน ควรได้รับการรักษาในโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ ที่มีความพร้อม เพื่อลดอัตราการเสียชีวิต ซึ่งขณะนี้ ระบบการแพทย์ฉุกเฉิน ได้พัฒนาและออกแบบให้ประชาชนคนไทยที่มีสิทธิการรักษาพยาบาลใน 3 กองทุน คือ ระบบหลักประกันสุขภาพ ประกันสังคม และข้าราชการ ที่เจ็บป่วยฉุกเฉิน สามารถเข้ารับการบริการทางการแพทย์ฉุกเฉินได้ ในโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ ซึ่งรวมถึง โรงพยาบาลเอกชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย จากนั้นระบบสามกองทุนจะตามจ่ายค่ารักษาพยาบาลเองและจากสภาพโรงพยาบาลเอกชนที่เพิ่มจำนวนและกระจายตัวมากขึ้นเรื่อยๆ จะ ทำให้ผู้ป่วยฉุกเฉินได้รับการบริการอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

เลขาธิการ สพฉ. กล่าวต่อว่า ระบบ EMCO เริ่มจากการบุกเบิกของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ( สปสช. ) ตามนโยบายของรัฐบาล ตั้งแต่ เมษายน พ.ศ.2555 โดย สปสช. จะเป็นคนกลางตามจ่ายเงินให้โรงพยาบาลเอกชน แล้วค่อยรับเงินคืนจากกองทุนอื่นๆ ซึ่งตลอด 4 ปีที่ผ่านมา มีผู้ป่วยฉุกเฉินได้รับการดูแลตามสิทธิ์ดังกล่าวมากกว่า 70,000 คน และจากผลสำรวจพบว่ามีความพึงพอใจสูง แต่ยังมีปัญหาที่สำคัญคือการเรียกเก็บเงินค่ารักษาจากผู้ป่วยหรือญาติด้วยเหตุผลหลายประการจนเป็นเหตุให้เกิดการฟ้องร้องและยื่นเรื่องทวงถามไปยังรัฐบาล ดังนั้นจึงต้องมีการทบทวนและปรับระบบให้ดียิ่งขึ้น

ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุขและ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ในฐานะคนกลางจึงได้ร่วมมือกับนักวิชาการด้านระบบค่ารักษาพยาบาล ออกแบบการคิดค่ารักษาพยาบาล และทำข้อเสนอเงื่อนไขต่าง ๆ พร้อมจัดประชุมร่วมกันกับสมาคมโรงพยาบาลเอกชน และทั้ง 3 กองทุน อย่างต่อเนื่อง เพื่อหาทางออกที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยฉุกเฉินและเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย โดยได้ข้อสรุป ดังนี้ 1. จะร่วมมือดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตตามระบบ EMCO ของโรงพยาบาลเอกชน โดยไม่คิดค่ารักษากับผู้ป่วย แต่จะมาเบิกคืนจากกองทุนต่าง ๆ โดยสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ จะเป็นหน่วยงานที่กำหนดอาการฉุกเฉินวิกฤต

2.การรักษาอาการเจ็บป่วยฉุกเฉิน จะคิดค่ารักษาแบบทุกรายการแทนการเหมาจ่ายแบบเดิม ใน 72 ชั่วโมงแรก หลังจากนั้นเป็นเรื่องที่แต่ละกองทุนกับโรงพยาบาลเอกชนจะตกลงกันเอง3.จัดระบบการส่งต่อผู้ป่วยฉุกเฉินไปยังโรงพยาบาลตามสิทธิ์ เมื่อพ้นวิกฤต หรืออยู่จนครบ 72 ชั่วโมงอย่างมีประสิทธิภาพ

4.สพฉ ร่วมกับโรงพยาบาลรามาธิบดี ได้จัดการอบรมการคัดแยกผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตแบบมีส่วนร่วม เพื่อให้แพทย์ พยาบาลห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลเอกชน สามารถคัดแยกผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตตามเกณฑ์ที่ สพฉ.กำหนด รวมทั้งจัดเตรียมศูนย์ประสานงานเพื่อให้แพทย์เวรประจำศูนย์ประสานงาน สามารถช่วยการตัดสินเรื่องฉุกเฉินวิกฤต ในกรณีที่แพทย์ พยาบาลหน้างานไม่แน่ใจ 5. เมื่อทุกฝ่ายยอมรับกับเงื่อนไขต่างๆ สพฉ. จะเสนอให้คณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉินออกเป็นประกาศให้ทราบโดยทั่วกันและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบต่อไป และ 6.เตรียมตั้งกรรมการติดตาม และปรับปรุงระบบEMCO เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่องเพื่อความยั่งยืนของระบบต่อไป

"การเตรียมการทั้งหมดนี้ เพื่อประโยชน์ของผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต ที่จะได้เข้ารักษาในโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้และมีความพร้อมทั้งโรงพยาบาลของรัฐและเอกชน เพื่อให้ผู้ป่วยฉุกเฉินปลอดภัย ลดการสูญเสีย โดยมิได้มุ่งจะเข้าแต่โรงพยาบาลเอกชนที่มีชื่อเสียงและอยู่ไกลออกไป ขอย้ำกับประชาชนให้เห็นความสำคัญ และความจำเป็นของระบบนี้ ส่วนผู้ป่วยทั่วไปหรือผู้ป่วยฉุกเฉินอื่น ๆ ขอให้ใช้ระบบบริการตามสิทธิ์ประกันเดิมต่อไป อย่างไรก็ตามทางที่ดี และคิดว่ามีอาการเข้าข่ายฉุกเฉิน ควรโทรแจ้งที่สายด่วน 1669 เพื่อให้ได้รับการประเมินอาการ และเข้ารับการรักษาตามระบบ นอกจากนี้ยังเป็นการป้องกันปัญหาการถูกเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลด้วย" เลขาธิการ สพฉ. กล่าว.

อย่างไรก็ตามนอกจากผู้ป่วยฉุกเฉินในพื้นที่ปกติ จะได้รับสิทธิ์ตามนโยบาย EMCO แล้ว ในพื้นที่พิเศษ ที่ห่างไกล อาทิ พื้นที่เกาะ ภูเขา หรือพื้นที่ธุรกันดาร ที่รถพยาบาลเข้าถึงลำบาก ทำให้ผู้ป่วยฉุกเฉินต้องได้รับการเคลื่อนย้ายผ่านเรือกู้ชีพ หรืออากาศยาน ก็ได้รับสิทธิ์เช่นกัน โดยหากแจ้งเหตุผ่านสายด่วน 1669 จะได้รับการบริการฟรีทุกกรณีตามเกณฑ์ที่ สพฉ. กำหนด ดังนั้นขอให้ผู้ป่วยฉุกเฉินมั่นใจว่าไม่ว่าจะอยู่บนพื้นที่ใดในประเทศไทย ก็จะได้รับการบริการทางการแพทย์ฉุกเฉินอย่างทั่วถึง เท่าเทียม และได้มาตรฐาน

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๘ เม.ย. ARDA จับมือ ฟาร์ม เอ็กซ์โป และพันธมิตร เปิดศึก AGRITHON by ARDA Season 2 เฟ้นหาสุดยอดไอเดียปลุกพลังนวัตกรรมเกษตรไทย ชิงทุนวิจัยรวมกว่า 100
๑๘ เม.ย. กรุงศรี ฉลอง 80 ปี ดูหนัง 80 บาท ที่ Major Cineplex เมื่อชำระด้วยบัตรกรุงศรี เดบิตและบัตร Krungsri Boarding
๑๘ เม.ย. แบรนด์ซุปไก่สกัด รณรงค์ขับขี่ปลอดภัยในโครงการ สมองล้าอย่าขับ พักดื่มแบรนด์ จับมือ ตำรวจทางหลวง และ ตำรวจจราจร
๑๘ เม.ย. ซัมซุงจัดใหญ่! เป็นเจ้าของ ตู้เย็น Side by Side รุ่นใหม่ล่าสุด พร้อมรับสิทธิพิเศษแบบจุใจ ได้แล้ววันนี้
๑๘ เม.ย. ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2568 คาดกนง.มีมติลดดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือนเมษายนนี้
๑๘ เม.ย. EXIM BANK ร่วมกับกระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์ ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs รับมือนโยบายภาษีแบบตอบโต้ของสหรัฐฯ
๑๘ เม.ย. ปักหมุด! เตรียมจัดงาน PET Expo Thailand 2025 จัดยิ่งใหญ่ครบรอบ 25 ปี
๑๘ เม.ย. ลดคลายร้อน ช้อปแลคตาซอย 1,000 ลด 100 พร้อมชวนร่วมสนุกถ่ายภาพคู่แลคตาซอย ลุ้น 10 รางวัล
๑๘ เม.ย. DITP ประชุมผู้จัดแสดงสินค้า เตรียมความพร้อมสู่เวที THAIFEX - ANUGA ASIA 2025
๑๘ เม.ย. โรงแรมเครือดุสิตธานี เปิดตัวโปรพิเศษต้อนรับซัมเมอร์ 'A Night on Us' เติมเต็มวันพักผ่อนอย่างมีความสุขกับโรงแรมและรีสอร์ทในเครือดุสิตธานีทั่วโลก