นายโชติก รัศมีทินกรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท บีที เวลธ์ อินดัสตรีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTW เปิดเผยว่า "ธุรกิจหลักของ กลุ่ม BTW ซึ่งมีบริษัท เบสท์เทค แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด เป็นบริษัทแกน(BTW ถือหุ้น 99.50 เปอร์เซ็นต์) โดยให้บริการแปรรูปผลิตภัณฑ์เหล็ก (Steel Part Fabrication) และผลิตโครงสร้างเหล็กและชิ้นงานขนาดใหญ่ หรือ โมดูล (Modularization) สำหรับอุตสาหกรรมพลังงาน โรงกลั่นน้ำมัน โรงไฟฟ้าและเหมืองแร่ ซึ่งงานโมดูลลักษณะนี้ มีผู้ประกอบการในประเทศน้อยรายที่สามารถผลิตได้ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเชี่ยวชาญงานออกแบบและผลิตระบบท่อระบายความร้อนให้กับโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศทั่วโลกด้วยประสบการณ์ร่วม 30 ปี BTW จึงถือเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการให้บริการแปรรูปผลิตภัณฑ์เหล็กและโครงสร้างเหล็ก ของไทย"
นายโชติก กล่าวต่อว่า "สิ่งที่เป็นจุดแข็งของกลุ่มบริษัทฯ คือการมีโรงงานอยู่ภายในท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ จังหวัดชลบุรี ซึ่งมีพื้นที่การผลิตรวมกว่า 174,000 ตารางเมตร สามารถผลิตชิ้นงานได้กว่า 36,000 ตันต่อปี นับเป็นผู้ประกอบการที่มีพื้นที่โรงงานผลิตชิ้นส่วนอยู่ภายในท่าเรือพาณิชย์สัตหีบซึ่งเป็นท่าเรือน้ำลึกมากที่สุด ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ BTW สามารถรองรับการผลิตชิ้นงานโมดลขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งในเรื่องของการผลิตและการขนส่ง โดยที่ผ่านมามีงานหลายโครงการที่ผลิตงานแปรรูปและประกอบกลุ่มชิ้นงานขนาดใหญ่สำหรับขนส่งทางเรือให้กับลูกค้าในต่างประเทศ อาทิเช่น โครงการ Solomon Iron Ores ซึ่งมีมูลค่าโครงการ 6,780 ล้านบาท และโครงการRoy Hills ซึ่งมีมูลค่า 3,424 ล้านบาท ซึ่งทั้งสองโครงการเป็นโครงการเหมืองแร่ในประเทศออสเตรเลีย นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีโรงงานที่อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อรองรับการผลิตชิ้นงานขนาดกลางและสามารถขนส่งทางถนนได้ อาทิเช่น โครงการโรงบำบัดน้ำเสียงชางงี ประเทศสิงคโปร์ มูลค่าโครงการ 552 ล้านบาท และโครงการโรงไฟฟ้าบางปะกง 5 ซึ่งกลุ่มบริษัทฯ ออกแบบและผลิตระบบท่อระบายความร้อน มูลค่าโครงการ 94.6 ล้านบาท โดยโรงงานทั้งสองแห่งได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนในการยกเว้นภาษีเงินได้เป็นเวลา 8 ปี นอกเหนือจากจุดแข็งในเรื่องของทำเลที่ตั้งของโรงงานทั้งสองแห่งแล้ว ด้วยความชำนาญและประสบการณ์ในการให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าในหลากหลายอุตสาหกรรมมาอย่างยาวนาน ทำให้กลุ่มบริษัทมีความคล่องตัวในการปรับเปลี่ยนการให้บริการ Steel Fabrication ได้หลากหลายรูปแบบให้กับกลุ่มลูกค้าในหลายๆ อุตสาหกรรม ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญของกลุ่มบริษัทเมื่อเทียบกับคู่แข่งขันรายอื่น โดยนอกจากจะช่วยขยายฐานกลุ่มลูกค้าแล้วยังมีส่วนช่วยทำให้รายได้ของบริษัทมีความต่อเนื่อง ดังจะเห็นได้จากการที่กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้จากงานแปรรูปและประกอบถังทนแรงดันและบรรจุให้กับโรงไฟฟ้าในไทยและต่างประเทศมาโดยตลอด เนื่องมาจากธุรกิจโรงไฟฟ้ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากการได้รับงานโครงการโมดูลขนาดใหญ่"
นายโชติก กล่าวทิ้งท้ายว่า "สำหรับผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ ปี 2558 ที่ผ่านมา มีรายได้รวม 1,949ล้านบาท กำไรสุทธิ 675 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2557 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 475ล้านบาท จากรายได้รวม 2,742 ล้านบาท ขณะนี้บริษัทฯ มีความพร้อมในการระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai เพื่อนำเงินไปปรับปรุงพื้นที่โรงงานท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ จังหวัดชลบุรี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต รวมทั้งลงทุนเพิ่มเติมในส่วนของเครื่องจักรและอุปกรณ์ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคง และต่อเนื่องให้กับบริษัทฯ ต่อไป "
นายธนะชัย บัณฑิตวรภูมิ หัวหน้าฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ที่ปรึกษาทางการเงินของ BTW กล่าวว่า "บมจ.บีที เวลธ์ อินดัสตรีส์ หรือ BTW เป็นบริษัทฯ ที่มีผลงานโดดเด่นมายาวนานต่อเนื่อง มีฐานลูกค้าสำคัญในประเทศไทย ออสเตรเลีย ประเทศในกลุ่มทวีปเอเชีย ทวีปอเมริกา และทวีปยุโรป โดยบริษัทรับงานทั้งจากเจ้าของโครงการโดยตรงและจากผู้รับเหมาหลักของโครงการหรือ EPC Contractor ขนาดใหญ่ระดับโลก และมีความพร้อมที่จะรับงานโครงการใหญ่ในอนาคต ด้วยคณะผู้บริหารที่มีความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมขั้นสูง และประสบการณ์ในธุรกิจอย่างยาวนาน อีกทั้งทีมงานวิศวกรที่มุ่งเน้นการบริหารโครงการที่มีประสิทธิภาพรวมถึงการส่งมอบงานที่มีคุณภาพ และสิ่งสำคัญที่สร้างความแตกต่างจากคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน คือความคล่องตัวในการให้บริการกับกลุ่มลูกค้าได้หลากหลายอุตสาหกรรม ซึ่งนอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงในการพึ่งพิงอุตสาหกรรมใดเพียงอุตสาหกรรมหนึ่งแล้ว ยังช่วยเพิ่มทางเลือกให้กับกลุ่มบริษัทในการเข้ารับงานในอุตสาหกรรมที่ให้ผลตอบแทนที่สูง ส่งผลให้ BTW มีผลประกอบการที่ดีและสถานะทางการเงินที่เข้มแข็ง การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai คือการเปิดประตูไปสู่โอกาสที่เพิ่มมากขึ้น ในระดับนานาชาติ"
อนึ่ง ณ วันที่ 31 มีนาคม2559 บมจ.บีที เวลธ์ อินดัสตรีส์ หรือ BTW มีจำนวนทุนจดทะเบียน 378 ล้านบาท จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกใหม่ให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 156,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (ราคาพาร์) หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็น 20.63% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ โดยมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ ประกอบด้วยกลุ่มศาตวินท์และกลุ่มรัศมีทินกรกุลถือหุ้นรวม 600,000,000 หุ้น หลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้แล้วสัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายใหญ่จะลดลงเหลือ 79.37% และประชาชนทั่วไป 20.63%โดยการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้มีบริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน