MAX เพิ่มทุน ลุยโปรเจ็คใหญ่โรงไฟฟ้า 120 MW-360 MWz ตั้งเป้าสร้างกำไรระยะยาว

อังคาร ๓๑ พฤษภาคม ๒๐๑๖ ๑๕:๔๑
นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกซ์ เมทัล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ MAX เปิดเผยว่า ได้มีการชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมต่อตลาดหลักหลักทรัพย์ สืบเนื่องจาก ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทครั้งที่ 5/2559 เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 2559 มีมติกำหนดให้มีการจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2559 ในวันพฤหัสบดีที่ 14 ก.ค. 2559 เวลา 14.00 น. ณ ห้องราชเทวี 1โรงแรมเอเชีย เลขที่ 296 ถนนพญาไท เขตราชเทวี กทม. เพื่ออนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก24,976 ล้านบาท เป็น 45,304 ล้านบาท โดยออกหุ้นเพิ่มทุน 20,328 ล้านหุ้น (พาร์ 1 บาท) ตามที่ได้แจ้งข้อมูลต่อตลาดหลักทรัพย์ไปเมื่อวันที่ 24 พ.ค. 2559 นั้น

บริษัทมีแผนที่จะใช้เงินเพิ่มทุน เพื่อเป็นเงินทุนสำรองในการขยายธุรกิจใหม่ในอนาคตทั้งการลงทุนในธุรกิจพลังงานทางเลือก ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัทในปัจจุบันที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีและเป็นที่น่าพอใจ ให้กับบริษัทและผู้ถือหุ้นได้ในระยะยาว โดยโครงการในอนาคตจะนำมาซึ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้นและส่งผลให้การดำเนินงานของบริษัทปรับตัวได้ดีขึ้น ที่สำคัญคือจะเป็นประโยชน์สูงสุดแก่บริษัทและผู้ถือหุ้น

สำหรับโครงการที่บริษัทกำลังเจรจาอยู่ เพื่อกระจายฐานรายได้ และสร้างให้มีกำไรอย่างสม่ำเสมอนั้นเป็นโครงการโรงไฟฟ้า SPP จำนวน 1-3โรง มีกำลังการผลิตไฟฟ้าโรงละไม่เกิน 120 MW มีมูลค่าการลงทุนในสินทรัพย์ ประมาณ 5,000-14,000 ล้านบาท จากการประเมินมูลค่ากิจการสุทธิ (Equity Value) เบื้องต้นจะอยู่ที่ประมาณโรงละ 2,000 ล้านบาท สำหรับสัดส่วนการลงทุนในแต่ละโรงอยู่ระหว่างการเจรจา โดยบริษัทจะปฏิบัติตามกฏระเบียบของตลท. อย่างเคร่งครัด ปัจจุบัน โรงไฟฟ้าดังกล่าวบางโรงได้เริ่มจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว อีกส่วนหนึ่งจะใช้เงินในการลงทุนโครงการอสังหาริมทรัพย์ ที่มีมูลค่าสินทรัพย์ประมาณ 650 ล้านบาท อาจจะต้องมีการลงทุนเพิ่มในโครงการดังกล่าวเพื่อเพิ่มรายได้อีก 200-300 ล้านบาท และลงทุนในโครงการคอนโดมิเนียมเพื่อขายปัจจุบันได้ก่อสร้างเสร็จแล้วประมาณ 70-80% มียอดขายแล้ว 40-50% โดยจะมีรายได้จากการขายประมาณ 370 ล้านบาทซึ่งคาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จและสามารถรับรู้รายได้ภายในปี 2559 นี้

ผลกระทบกรณีที่บริษัทไม่สามารถระดมทุนได้ บริษัทจะขาดการรับรู้รายได้ประมาณ 1,500-2,000ล้านบาทต่อปี และขาดการรับรู้กำไรอีก 150-200ล้านบาทต่อปี แต่บริษัทก็จะนำเงินเพิ่มทุนส่วนที่เหลือมาลงทุนในทางเลือกที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์สูงสุด คาดว่าจะใช้สำหรับทำโครงการโรงไฟฟ้าเป็นหลักซึ่งจะสามารถทำให้บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้น 40-50 ล้านบาทต่อปี

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ