นางนพวรรณ เจิมหรรษา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า การเติบโตของสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต โครงข่าย 3จี และ 4จี ทำให้เกิดการพัฒนาช่องทางการชำระเงินและช่องทางการรับส่งสินค้าที่สะดวกมากขึ้น ประกอบกับกลุ่มธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่ อาทิ กลุ่มเทสโก้โลตัส บิ๊กซี ทรู ฯลฯได้ก้าวเข้ามาทำธุรกิจช้อปปิ้งออนไลน์ และโครงการ National e-payment ของรัฐบาลจะช่วยผลักดันให้ประเทศไทยสู่สังคมการเงินแบบดิจิทัลที่ลดการใช้เงินสด ส่งผลต่อพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีแนวโน้มการใช้จ่ายออนไลน์มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ว่าในปี 2559 การซื้อขายสินค้าออนไลน์ของประเทศไทยน่าจะมีมูลค่าสูงถึง 240,000 ล้านบาท เติบโตขึ้น 20% จากปี 2558 ที่มีมูลค่า 200,000 ล้านบาท ธุรกิจอีคอมเมิร์ซจึงมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อย่างรวดเร็วเห็นได้จากความนิยมในการซื้อสินค้าผ่านทางแอพพลิเคชั่นของสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตกำลังขยายตัวอย่างมาก เนื่องจากการใช้งานสะดวกสบายและง่าย จนนำไปสู่แนวโน้มการเป็นสังคม "โมบายคอมเมิร์ซ" (Mobile Commerce) ที่ทุกคนสามารถซื้อขายสินค้าบนโซเชียลมีเดียได้ทำให้โอกาสในการซื้อขายสินค้าผ่านสมาร์ทโฟนมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น
ธนาคารกสิกรไทยจึงพัฒนากลยุทธ์การตลาดและส่งเสริมการขายบนโลกออนไลน์สำหรับ 4 ผลิตภัณฑ์ที่เป็นช่องทางการชำระเงิน ได้แก่ บัตรเครดิต บัตรเดบิต ดิจิทัลแบงกิ้ง (โทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ต) และระบบการรับชำระเงินออนไลน์ K-Payment Gateway รวมทั้งร่วมกับพันธมิตรจัดโปรโมชั่นตามไลฟ์สไตล์ของลูกค้า เช่น เดินทาง ท่องเที่ยว อาหาร ช้อปปิ้ง นอกจากนี้ธนาคารยังให้ความสำคัญกับระบบรักษาความปลอดภัยในการชำระเงิน เพื่อให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจที่ชำระเงินผ่านธนาคารกสิกรไทยในทุกช่องทาง
สำหรับการใช้จ่ายออนไลน์ผ่านบัตรเครดิตกสิกรไทยในปี 2558 มีมูลค่า 27,000 ล้านบาท เติบโต จากปี 2557 ประมาณ 22% มีมูลค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อบัตรต่อเดือน 9,600 บาท ซึ่งหมวดหลักที่นิยมใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิตกสิกรไทย ได้แก่ สายการบิน องค์กรภาครัฐ เช่น การจ่ายภาษี การท่องเที่ยว ช้อปปิ้ง และประกัน ตามลำดับ ทั้งนี้ ได้วางเป้าหมายมูลค่าการใช้จ่ายออนไลน์ผ่านบัตรเครดิตกสิกรไทยในปีนี้จะเติบโตประมาณ 25% มีส่วนแบ่งตลาดเป็น 31% คิดเป็นมูลค่าราว 34,000 ล้านบาท โดยล่าสุดบัตรเครดิตกสิกรไทยได้ร่วมมือกับร้านค้าพันธมิตรออนไลน์มากกว่า 20 เว็บไซต์ชั้นนำ มอบสิทธิพิเศษ 2 ต่อ ต่อที่ 1 รับส่วนลดจากร้านค้าทันทีสูงสุด 15% เมื่อช้อปและกรอกรหัสส่วนลด และต่อที่ 2 รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 500 บาทเมื่อช้อปครบตามที่กำหนด วันนี้ – 31 ก.ค. นี้
ด้าน บัตรเดบิตกสิกรไทยผ่านออนไลน์ มีการเติบโตในปีที่ผ่านมาอย่างก้าวกระโดดกว่า 50% ส่งผลให้มียอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิตกสิกรไทย คิดเป็นมูลค่า 5,000 ล้านบาท มีจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มมากขึ้นกว่า 40% จาก 70,000 คนต่อเดือน เป็น 100,000 คนต่อเดือน โดยหมวดหลักในการใช้จ่าย คือ การท่องเที่ยว การดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น และการซื้อโฆษณาบนออนไลน์ ตามลำดับ และได้มีการจัดโปรโมชั่นควบคู่กันไปกับบัตรเครดิตกสิกรไทย ทั้งนี้ได้ตั้งเป้าหมายมีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 20% และมีมูลค่าการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีก 30%
ธุรกิจดิจิทัลแบงกิ้ง (โทรศัพท์มือถือและอินเทอร์เน็ต) ปัจจุบันมีฐานลูกค้า 9 ล้านราย และมีมูลค่าธุรกรรมคิดเป็น 3.9 ล้านล้านบาทใน ปี 2558 โดยมีกลยุทธ์สำคัญ คือ ออกฟีเจอร์การใช้งานใหม่ ๆ ให้ลูกค้าปรับได้ตามความต้องการของแต่ละคน (Personalization) และสามารถทำธุรกรรมทางการเงินที่ต้องการบนสมาร์ทโฟนเครื่องเดียว นอกจากนั้นได้ทยอยออกฟีเจอร์ใหม่รองรับการช้อปปิ้งออนไลน์ให้สะดวกมากขึ้น เช่น การปรับเปลี่ยนวงเงินโอนและวงเงินถอนต่อวันของบัตรเดบิตได้ด้วยตนเอง สามารถอายัดบัตรได้ทันทีกรณีบัตรหายหรือถูกขโมย และสามารถดูรายการเดินบัญชีย้อนหลัง เป็นต้น พร้อมนี้ลูกค้าสามารถรับสิทธิ์ Reward PLUS ซึ่งจะมีสิทธิพิเศษในการรับส่วนลด และแลกซื้อสินค้ามากมาย เมื่อทำธุรกรรมครบ 3 ครั้งต่อเดือน โดยคาดว่าในปีนี้จะสามารถเพิ่มฐานลูกค้าได้อีกราว 3.4 ล้านราย
ระบบการรับชำระเงินออนไลน์ K-Payment Gateway มีประมาณธุรกรรมเฉลี่ย 80,000 ล้านบาทต่อปี คิดเป็น 11 ล้านรายการ และตั้งเป้าหมายเติบโตในปีนี้อีก 23% ทั้งนี้ลูกค้าธุรกิจหันมาใช้บริการ K-Payment Gateway ของธนาคารมากขึ้น โดยธนาคารเน้นการพัฒนาเครื่องมือที่ช่วยสนับสนุนระบบชำระเงินบนดิจิทัลแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซให้มีช่องทางรับชำระเงินที่หลากหลาย สะดวกสบาย และมั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพ