นางมรกต กุลธรรมโยธิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ INET ผู้ประกอบธุรกิจให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีที (ICT Infrastructure as a Service Provider) แบบครบวงจรรายใหญ่ของประเทศไทย เปิดเผยถึง แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/2559 คาดว่าจะเติบโตขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจากภาพรวมธุรกิจ Cloud Solutions มีการเติบโตอย่างโดดเด่นชัดเจน โดยปัจจุบัน มีฐานลูกค้าที่ใช้บริการ Cloud อยู่ราว 600 บริษัท และตั้งเป้าปีนี้จะมีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 800-1,000 บริษัท และมั่นใจจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต ขณะที่ธุรกิจการให้บริการ Internet Access , Co-Location , EDC Network Pool และบริการอื่นๆ ก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างต่อเนื่องเช่น กัน มั่นใจ รายได้ทั้งปี 2559 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% จากปีก่อนอยู่ที่ 624.04 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ได้ไม่ยาก ส่วนผลงานไตรมาส 1/2559 ที่ผ่านมาเติบโตอย่างน่าประทับใจ บริษัทฯ มีรายได้รวม 201.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 53.01% และมีกำไรสุทธิ 11.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 137.08%
สำหรับแผนเพิ่มทุนจำนวน 262,520,799 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท มั่นใจจะได้รับการตอบรับจากผู้ถือหุ้นหมดทั้งจำนวน โดยเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนทั้งสิ้น 787.56 ล้านบาทนั้น บริษัทจะนำเงินจำนวน 300 ล้านบาท เพื่อทำการลงทุนสร้างศูนย์ปฏิบัติการข้อมูลไอเน็ต 3 (INET-IDC3) เฟสที่ 2 และ 3 ที่จังหวัดสระบุรี เสริมศักยภาพธุรกิจให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นทั้งราย ได้และกำไร และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนิน งานบริษัทฯ จำนวน 487.56 ล้านบาท โดยจะจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (RO) จำนวน 250,020,799 หุ้น ในอัตรา 1 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ ในราคาหุ้นละ 3 บาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 750,062,397 บาท กำหนดวันวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น 13 มิ.ย. 2559 วันจองซื้อและชำระค่าหุ้น 11 -15 ก.ค. 2559 กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่ได้รับสิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน (Record date) 21 มิ.ย. 2559 วันปิดสมุดทะเบียนเพื่อรวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้น 22 มิ.ย. 2559 วันที่ไม่ได้รับสิทธิจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน (XR) 17 มิ.ย. 2559 และเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนส่วนที่เหลืออีกจำนวน 12,500,000 หุ้น เสนอขายให้แก่บุคคลที่ทำหน้าที่เป็นผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทฯ และ/หรือบริษัทย่อย ตามโครงการ ESOP-INET 2016 ในราคาเสนอขายที่หุ้นละ 3 บาทเท่ากัน รวมมูลค่าทั้งสิ้น 37,500,000 บาท
ทั้งนี้ หากพิจารณาเฉพาะผู้ให้บริการสัญชาติไทย INET เป็นอันดับ 1 ในการให้บริการโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที (IaaS) ในประเทศไทย และได้สิทธิประโยชน์จาก BOI ในการยกเว้นอากรขาเข้าในการนำเข้าอุปกรณ์จากต่างประเทศ และได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลในส่วน ของบริการ Cloud เป็นระยะเวลา 8 ปี จึงทำให้ลดต้นทุนสำหรับอุปกรณ์ที่นำเข้า ขณะที่บริษัทฯ ได้รับมาตรฐานและรางวัลระบบ Cloud มาอย่างต่อเนื่อง ได้รับการรับรองมาตรฐาน CSA-STAR รายแรกและเป็นผู้ประกอบการรายเดียวในประเทศไทยที่ได้ รับมาตรฐานความปลอดภัย ทางสารสนเทศสำหรับระบบ Cloud โดยเฉพาะ ทำให้ในช่วงที่ผ่านมา INET ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าในการเลือกใช้บริการ และมีรายได้จากการให้บริการ Cloud Computing เพิ่มสูงขึ้นเป็นรายได้หลักของบริษัทฯ การขยายศูนย์ปฏิบัติการข้อมูลไอเน็ต 3 (INET-IDC3) เฟสที่ 2 และ 3 ต่อเนื่องจากเฟสที่ 1 ที่เรากำลังสร้างอยู่ จะเป็นปัจจัยสำคัญในการตอบสนองความต้องการของตลาด Co-Location และ Cloud Computing ที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต และสนับสนุนให้บริษัทฯ มีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ลดลงจากเดิม 1.35 เท่า เหลือ 0.53 เท่า ทำให้ INET มีฐานะทางการเงินที่มั่นคงขึ้น ขณะเดียวกัน ยังสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าของ บริษัทฯ ได้
"INET-IDC3 เฟส 1, เฟส 2 และเฟส 3 คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมให้บริการในช่วงไตรมาส 1/2560 , ไตรมาส 1/2561 และไตรมาสที่ 4/2561 ตามลำดับ ดังนั้น ผลการดำเนินงานในช่วงต่อจากนี้ จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า INET ก้าวเดินมาถูกทาง และจะเป็นกุญแจสำคัญในการสนับสนุนการเปลี่ยนแปลง ทางเทคโนโลยีของโลกธุรกิจ ให้ประเทศไทยได้" นางมรกต กล่าว
รายงานความเห็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระได้ประเมินอัตราการเติบโตเฉลี่ยของ รายได้จากโครงการ INET-IDC3 เฟส1 ประมาณปีละ 25.22% และคาดว่าจะสนับสนุนกำไรสุทธิบริษัทฯ ได้ประมาณ 138-511 ล้านบาท/ปี บริษัทจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ประมาณ 39.37% /ปี และมีโอกาสในการแข่งขัน รักษาความเป็นผู้นำในตลาด Cloud Computing เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าทั้งภาคเอกชนและรัฐบาล
ด้านบทวิเคราะห์บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุ INET แนะนำซื้อ ประเมินราคาเป้าหมาย 5.50 บาท (ก่อน XR) และราคาเป้าหมาย 4.20 บาท (หลัง XR) เทียบเท่า PE ปี 2017 ที่ 28.7 เท่า และ 0.62 เท่า PEG (2017 - 2018) โดย INET มีจุดเด่นจากการเป็นผู้ให้บริการ ICT Infrastructure as a service (IaaS) ครบวงจรของประเทศ เชื่อว่าการเพิ่มทุนครั้งนี้จะสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันระยะยาวจากการ มีโครงสร้างพื้นฐานด้าน ICT พร้อมให้บริการมากขึ้น และมีโอกาสเติบโตสูงจากบริการ Cloud Solution
คาดปี 2016 - 2018 กำไรสุทธิเติบโตต่อปีมากกว่า 41% (CAGR) หรือมีกำไรสุทธิเติบโตจาก 51 ล้านบาท ในปี 2016 เป็นกำไรสุทธิ 75 ล้านบาท ในปี 2017 และกำไรสุทธิ 109 ล้านบาท ในปี 2018 และมีปัจจัยบวกจากการคาดว่า รายได้รวมจะเติบโตต่อปีไม่ต่ำกว่า 31% จากลูกค้าที่มีการใช้บริการ Co-Location และบริการ Cloud Solution เพิ่มขึ้น รวมทั้ง ผลบวกจากรายได้บริการ Cloud Solution มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจาก 45% ในปี 2016 เป็น 60% ในปี 2018 ช่วยลดแรงกดดันจากต้นทุนที่สูงขึ้นจากการลงทุน IDC-3 ทำให้ INET รักษาระดับ GPM รวมที่ 29-30% ในปี 2017 - 2018 และ GPM มีแนวโน้มขาขึ้นในปี 2019 เป็นต้นไป