นายมณฑล จุนชยะ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทคาดการณ์ว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยในสัปดาห์นี้มีโอกาสปรับตัวลดลงตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลดลงมาก หลังสหรัฐอเมริกาประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน พ.ค. ที่เพิ่มขึ้นต่ำกว่าคาด ทำให้ตลาดปรับลดโอกาสการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในเดือน มิ.ย. เหลือเพียง 6% จากเดิม 30% และเดือน ก.ค. เหลือ 30% จากเดิม 60% อย่างไรก็ตาม ตลาดพันธบัตรไทยอาจมีการปรับตัวลงในวงจำกัด เนื่องจากตลาดมีอุปทานจำนวนมากเข้ามาสนันสนุน จากการออกพันธบัตรใหม่ของธนาคารแห่งประเทศไทย
"ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 38,000 ตำแหน่ง ซึ่งน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ 164,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานอยู่ที่ 4.7% ลดลงจากเดือนก่อน 5.0% และต่ำกว่าที่คาดการณ์ที่ 4.9% โดยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ออกมาอ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ ส่งผลให้ตลาดเริ่มคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไป โดยเริ่มมองช่วงเวลาของการปรับขึ้นอยู่ในช่วงเดือนธันวาคมของปีนี้" นายมณฑล กล่าว
สำหรับภาพการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ บริษัทคาดการณ์ว่า กรอบดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ระดับ 1,420 จุด -1,450 จุด โดยมองว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกสนับสนุนแนวโน้มจากการเลื่อนปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ โดยค่าเงินบาทของไทยและค่าเงินในตลาดภูมิภาคเริ่มแข็งค่าขึ้น สวนทางกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง บ่งชี้ได้ว่า เริ่มมีกระแสเงินทุนจากนักลงทุนต่างชาติเริ่มไหลกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเพิ่มเติมบางส่วน
อย่างไรก็ดี บริษัทยังคงแนะนำให้ติดตามถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐที่จะบ่งชี้ต่อท่าทีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐในระยะถัดไป และผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในวันที่ 14-15 มิ.ย.นี้ รวมถึงทิศทางราคาน้ำมันหลังจากที่ราคาปรับตัวลดลง เนื่องจาก Rig Count กลับมาผลิตเพิ่มขึ้นอีกครั้ง หลังราคาน้ำมันยืนใกล้ระดับ 50 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล นอกจากนี้ ควรติดตามผลการลงประชามติของประเทศอังกฤษหลังผลสำรวจระบุคะแนนโหวตออกมาจากสหภาพยุโรปเริ่มเพิ่มขึ้น