นายอภิชัย เรามานะชัย รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ แอพเพิล เวลธ์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงการลงประชามติของอังกฤษที่จะมีขึ้นในวันที่ 23 มิ.ย.นี้ เพื่อตัดสินจะออกจากการเป็นสมาชิกในสหภาพยุโรป (อียู) หรือไม่ว่า ประเทศอังกฤษถือเป็นเป็นศูนย์กลางทางการเงินของสหภาพยุโรป ซึ่งหากอังกฤษออกจากอียู จะส่งผลให้สถาบันการเงินใหญ่ๆ ของยุโรปหลายแห่งที่อยู่ในอังกฤษมีปัญหาเรื่องสิทธิประโยชน์ต่างๆที่อาจถูกปรับเปลี่ยน และจะทำให้ความเชื่อมั่นทางการเงินของอังกฤษลดลง ขณะที่เม็ดเงินการลงทุนต่างๆ ที่อาจมีการแปลงแปลง รวมทั้งจะกระทบต่อความเชื่อมั่นในสกุลเงินปอนด์
ด้านการค้าประเทศอังกฤษปัจจุบันมีการทำการค้ากับประเทศต่างๆในกลุ่มอียูถึง 47% ซึ่งประเมินผลเสียหากอังกฤษตัดสินใจออกจากกลุ่มยูโร อาจจะกระทบต่อ GDP อังกฤษลดลงในระยะยาวประมาณ 1-2 % จากการเสียสิทธิพิเศษทางภาษีจากข้อตกลงการค้าของกลุ่มยูโร
นายอภิชัย กล่าวว่า สำหรับในแง่ผลกระทบกับประเทศไทย ในด้านการค้า หากอังกฤษออกจากอียูจริง คงไม่ส่งผลอะไรมากนัก เพราะปัจจุบันไทยกับอังกฤษมีการค้าขายต่อกันน้อยราวๆ 1.8% เท่านั้น นอกจากนี้ไทยกับทางอียูก็ไม่มีสนธิสัญญาทางการค้าระหว่างกัน ดังนั้น อังกฤษจะออกหรือไม่ออกจากสมาชิกยูโรโซน ก็จะไม่มีผลกระทบต่อสิทธิภาษีต่างๆ
รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ แอพเพิล เวลธ์ จำกัด (มหาชน) กล่าวอีกว่า สำหรับตลาดหุ้นไทยได้ปรับฐานลงไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย จากแรงกดดันในประเด็นการลงประชามติของอังกฤษแล้ว ซึ่งหากการตัดสินใจลงประชามติของอังกฤษชี้ขาดว่าให้ต้องออกจากยูโรโซนจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยเพียงระยะสั้น คาดจะผันผวนอยู่ในกรอบแนวรับ 1,380 จุด ในทางกลับกันหากอังกฤษไม่ออกจากยูโรโซน เม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติน่าจะไหลเข้าลงทุนในตลาดหุ้น Emerging Market อีกครั้ง และส่งผลบวกให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นในกรอบ 1,460-1,480 จุดได้