นางสาวสุภิญญากล่าวว่า อนุฯเนื้อหาเสนอให้ กสท. เอาผิดรายการโทรทัศน์ที่วิจารณ์การเมืองอีกแล้ว ดิฉันกลับเห็นต่างว่า กสทช.และฝ่ายรัฐควรเปิดใจกว้างขึ้นสำหรับการแสดงความเห็นของฝ่ายค้านและน้อมรับการตรวจสอบจากสื่อต่างๆให้มากขึ้น เพราะเป็นเสรีภาพขั้นพื้นฐานของพลเมือง อีกทั้งเพื่อลดแรงเสียดทานจากกลุ่มคนที่เห็นต่าง ในเวลาที่ประเทศกำลังจะลงมติรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญใหม่ กสทช. ควรให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลสื่อไม่ให้ละเมิดสิทธิมนุษยชน และ คุ้มครองผู้บริโภคสื่อมากขึ้น แทนที่จะเน้นควบคุมเสรีภาพทางการเมืองเป็นหลัก
"ส่วนกรณีเรื่องร้องเรียนการถ่ายทอดสดเหตุการณ์เจรจาผู้ต้องหาจนยิงตนเองเสียชีวิต ขณะนี้อนุกรรมการด้านเนื้อหายังอยู่ในระหว่างการรวมรวมข้อมูล และให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาขี้แจงก่อนสรุปว่าขัดมาตรา 37 หรือไม่ จึงยังไม่ได้เสนอวาระเข้ามาให้ กสท. พิจารณาครั้งนี้ ส่วนในมิติจริยธรรม สำนักงาน กสทช. ได้ส่งจดหมายไปให้แต่ช่องพิจารณาตัวเองตามกรอบจรรยาบรรณของช่องต่างๆแล้วว่าขัดกติกากำกับตนเองที่วางไว้หรือไม่ แล้วให้แจ้งกลับมาที่ กสทช. ใน 15 วัน จากนั้น สำนักงาน กสทช. จะส่งเรื่องต่อให้องค์กรวิชาชีพสื่อพิจารณาต่อไป เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานว่าการเผยแพร่ถือว่าขัดจริยธรรมสื่อไหม ถ้าขัดแล้วสื่อควรทำอย่างไร เช่น การขอโทษและแก้ไข เป็นต้น" สุภิญญากล่าว
นอกจากนี้มีวาระน่าติดตาม ได้แก่ วาระการกำหนดแนวทางการดำเนินคดีปกครอง กรณีมูลนิธิเสียงธรรมเพื่อประชาชน ได้ยื่นฟ้อง กสทช. และ กสท. ต่อศาลปกครองอุดรธานี โดยศาลปกครองมีคำสั่งให้ทำการแก้คำฟ้องพร้อมด้วยพยานหลักฐานยื่นต่อศาลโดยจะครบกำหนดในวันที่ 3 มิ.ย. นี้ วาระสรุปผลการรับฟังความคิดเห็นร่างประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์การจัดทำผังรายการสำหรับการให้บริการกิจการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ (ฉบับที่๔) การพิจารณาให้ระงับการออกอากาศโฆษณาผลิตภัณฑ์หรือสินค้าในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ วาระการขยายระยะเวลายื่นรายงานการแพร่แปลกปลอมของสถานีวิทยุกระจายเสียงที่ได้รับจัดสรรคลื่นความถี่ และวาระอื่นๆ ติดตามการประชุมในวันจันทร์นี้ …