บลจ.วรรณ แนะหุ้นลงทยอยสะสม

จันทร์ ๒๗ มิถุนายน ๒๐๑๖ ๑๕:๓๓
บลจ.วรรณ ชี้หุ้นโลกผันผวนแต่มีลุ้นรีบาวน์ระหว่างสัปดาห์ พร้อมติดตามผลการประชุมรัฐสภายุโรปใน 28 มิ.ย.นี้ ชี้เหตุการณ์ Brexit จะกดดันให้ธนาคารกลางหลายๆ ประเทศเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง ด้านตลาดหุ้นไทยมองกรอบสัปดาห์นี้ 1,390-1,430 จุด ทยอยซื้อสะสมหุ้นดี พื้นฐานแกร่งรวมถึงกองทุน LTF หากดัชนีปรับตัวต่ำกว่า 1,400 จุด

นายมณฑล จุนชยะ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม วรรณ จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกในสัปดาห์นี้ มีโอกาสปรับตัวผันผวนต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนจากการขายสินทรัพย์เสี่ยงบางส่วนของนักลงทุนและเข้าสู่ภาวะ "Risk-Off Mode" เนื่องจากผลกระทบของความกังวลเรื่อง Brexit หลังผลประชามติได้ข้อสรุปเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าอังกฤษมีมติถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปและแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มพลังงานจากราคาน้ำมันดิบที่มีโอกาสปรับตัวลดลงจากค่าเงินดอลลาร์ฯ ที่แข็งค่าขึ้น อย่างไรก็ดี คาดว่าตลาดหุ้นน่าจะมีโอกาสฟื้นตัวในบางจังหวะ (Technical Rebound) โดยเฉพาะในตลาดหุ้นที่มีการปรับตัวลดลงแรงและเร็วในช่วงที่ผ่านมา เช่น ตลาดหุ้นญี่ปุ่น

"ในอังคารที่ 28 มิ.ย.นี้ จะมีการประชุมรัฐสภายุโรป ซึ่งคงต้องติดตามมาตรการรองรับผลการลงประชามติดังกล่าว อย่างไรก็ดีมองว่าสหภาพยุโรปคงมีการเจรจาต่อรองกับอังกฤษอีกครั้ง ขณะนี้ อังกฤษก็เกิดภาวะสูญญากาศทางการเมืองเช่นกันหลังจากนายกรัฐมนตรีประกาศลาออก สะท้อนได้ว่า ยังมีระยะเวลาอย่างน้อย 2 ปี หรืออาจมากกว่านั้นให้ตลาดและธนาคารกลางของประเทศเศรษฐกิจหลักอื่นๆได้ปรับตัว ซึ่งยังไม่อยากให้นักลงทุนตื่นตระหนกมากจนเกินไป ทั้งนี้ประเด็นสำคัญที่นักลงทุนต้องติดตามโดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐ ที่มีแนวโน้มชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายออกไปเป็นช่วงปลายปี อีกทั้งมองว่า ธนาคารกลางยุโรปและญี่ปุ่นน่าจะมีการอัดฉีดปริมาณเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากขึ้น เพื่อลดความผันผวนของตลาดเงินและตลาดทุน รวมทั้งการเติบโตของเศรษฐกิจในกลุ่มสหภาพยุโรป ทั้งนี้ บริษัทมองว่าหากเป็นนักลงทุนที่รับความผันผวนและความเสี่ยงได้อาจพิจารณาทยอยซื้อสะสมในช่วงที่ตลาดฯ ปรับตัวลดลง รวมถึงตลาดหุ้นยุโรปและญี่ปุ่น หลังปรับตัวลดลงไปแล้วค่อนข้างมาก และถือลงทุนในระยะยาว อย่างน้อย 6 เดือน ถึง 1 ปีขึ้นไป" นายมณฑล กล่าว

นายมณฑล กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาพการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ บริษัทคาดการณ์ว่า กรอบดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ระดับ 1,390-1,430 จุด การเคลื่อนไหวของดัชนีจะเป็นลักษณะ Sideway to Sideway down แต่จะไม่ปรับตัวลงแรงเหมือนสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากมองว่านักลงทุนน่าจะทยอยรับรู้และปรับตัวรับต่อข่าวดังกล่าวได้และตลาดคาดว่าผลกระทบกับไทยยังคงเป็นไปในทิศทางที่จำกัด

สำหรับนักลงทุนที่รับความผันผวนของตลาดและสามารถลงทุนระยะยาวได้ สามารถทยอยซื้อสะสมในหุ้นไทยได้ในจังหวะที่ดัชนีฯ ย่อตัวลงต่ำกว่า 1,400 จุด โดยเฉพาะกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) เนื่องจากมองว่าปัจจัยกดดันเรื่อง Brexit จะเป็นปัจจัยกดดันในระยะสั้น และไม่น่าบานปลายจนใช้เวลานาน เนื่องจากคาดว่าผลการลงประชามติดังกล่าว น่าจะกดดันให้ธนาคารกลางในหลายๆ ประเทศ โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายออกไป และธนาคารกลางยุโรปและญี่ปุ่นน่าจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ซึ่งจะสนับสนุนแรงซื้อสินทรัพย์เสี่ยงได้ในระยะถัดไป ขณะที่นักลงทุนระยะสั้นอาจรอดูสถานการณ์และตัดสินใจลงทุนในช่วงถัดไป

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ