โครงการปลุกจิตสำนึกรู้คุณแผ่นดินในปีนี้ ได้จัดโครงการประกวดภาพเขียน โดยต้องการให้งานศิลปะ ช่วยกระตุ้นความรู้สึกของคนในชาติให้เห็นความสำคัญของความสามัคคี และช่วยสร้างแนวคิดแห่งการนำพาคนไทย จับมือกันข้ามผ่านวิกฤตต่างๆ ด้วยความสามัคคี
กิจกรรมการประชันความสามารถเพื่อชาติผ่านการสร้างสรรค์ผลงานด้วยการวาดภาพในครั้งนี้ได้เปิดโอกาสให้เยาวชนและประชาชนทั่วไปได้ส่งผลงานเข้าประกวดตามความถนัดของตนเองในการสร้างสรรค์ผลงานภาพวาดขึ้นมา และสำหรับในปีนี้มีมีผู้ที่สนใจส่งผลงานเข้าเพิ่มมากขึ้น โดยมีผลงานภาพวาดที่ส่งเข้าประกวดมากกว่า 700 ผลงาน โดยแบ่งประเภทของการแข่งขันออกเป็น 4 ระดับ ประกอบด้วย 1. ระดับประถมศึกษา-มัธยมศึกษาตอนต้น 2.ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย 3.ระดับอุดมศึกษา และ4.ระดับประชาชนทั่วไป
นอกจากจำนวนผลงานที่เพิ่มมากขึ้นแล้วนั้น ทักษะและฝีมือการวาดภาพในครั้งนี้ สร้างความลำบากใจให้กับคณะกรรมการในการตัดสินเป็นอย่างมาก เนื่องจากตัดสินยาก เพราะแต่ละภาพที่ส่งเข้าประสื่อให้เห็นถึงแนวคิด อารมณ์ และเทคนิคของแต่ละคนได้ดี การตัดสินงานศิลปะสิ่งที่คณะกรรมการเน้นเป็นลำดับต้นๆ คือ ไอเดีย แนวคิด ซึ่งแต่ละผลงานมีไอเดียที่ดี และชัดเจน ภาพแต่ละภาพมีมุมมอง มีเทคนิคชั้นเชิงในการสื่อความหมาย มีผีมือใกล้เคียงกัน
อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาสาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการประกวดภาพวาดในครั้งนี้ว่า การวาดภาพเป็นงานศิลปะที่ส่งต่อความคิด สื่อให้เห็นมุมมองและความคิดจากภาพนั้นๆ ซึ่งภาพวาดที่ส่งเข้าประกวดในครั้งแต่ในแต่ละประเภทส่วนใหญ่แล้วสามารถสื่อออกมาได้ชัดเจน มีทักษะในการวาดภาพดี เทคนิคดี มีรายละเอียดของภาพสมบูรณ์ และสื่อให้เห็นถึงการรวม พลังในการปกป้องสถาบันหลักของชาติไทย
ผลงานที่ส่งเข้าประกวดในปีนี้จะเห็นได้ว่าภาพแต่ละภาพมีเนื้อหาที่แตกต่างกัน ดีกันคนละแบบ แต่อยู่ภายใต้แนวคิดเดียวกันตรงตามโจทย์ที่ได้รับ แต่ทักษะการใช้วัสดุอุปกรณ์นั้นมีความต่างกัน สื่อให้เห็นเรื่องราวต่างๆ และความรู้สึกออกมาได้หลากหลายรูปแบบและมีความชัดเจน
การใช้เทคนิคในการวาดมีชั้นเชิงมากชึ้น มีวิธีการหรือรูปแบบที่ค่อนข้างแตกต่างจากภาพที่เคยเห็นมา มีสไตล์การวาดภาพที่แปลกและแตกต่างมากขึ้น ซึ่งทักษะบางอย่างที่แตกต่างกันออกไปจะทำให้ภาพนั้นดูโดดเด่นมากขึ้น ซึ่งบ่งบอกความคิดได้ตรงประเด็น ทั้งความคิด ทักษะ และฝีมือ ที่สามารถสื่อความหมายและอารมณ์ออกมาได้อย่างชัดเจน เป็นผลงานที่น่าชื่นชม ทำให้มองเห็นความเก่งของเด็กไทยในการวาดภาพที่มีฝีมือมากขึ้น
ด้านอาจารย์สังคม ทองมี ประธานก่อตั้งศูนย์ศิลป์สิรินธร หนึ่งในคณะกรรมการการประกวดภาพวาดครั้งนี้ กล่าวว่า ผลงานโดยรวมของปีนี้ที่ส่งเข้าประกวดนั้น จะเห็นได้ว่าในแต่ละประเภทมีจำนวนผลงานเพิ่มมากขึ้น ทั้งในเชิงของคุณภาพ เนื้อหาที่มีเรื่องราวชัดเจนตรงประเด็นกับหัวข้อการประกวด แต่การนำเสนอไม่ได้เล่าเรื่องตรงๆ ยังต้องมีเรื่องของศิลปะ มีความคิดสาร้างสรรค์ รูปแบบ วิธีการและเทคนิคต่างๆ ที่นำมาใส่ไว้ในภาพวาดอีกด้วย
ผลงานแต่ละภาพแสดงให้เห็นว่า มีศึกษารูปแบบและข้อมูลจากสื่อต่างๆ แล้วนำเสนอออกมาให้ดูแปลกใหม่ และน่าสนใจมากขึ้น ทำให้คณะกรรมการตัดสินในปีนี้ค่อนข้างยาก เพราะภาพที่ส่งเข้าประกวดนั้นแต่ละภาพมีความสามารถที่ใกล้เคียงกัน ทำให้คณะกรรมการต้องใช้เวลาในการตัดสินค่อนข้างนาน ต้องอภิปรายถึงรายละเอียดของแต่ละภาพ องค์กรประกอบต่างๆ เทคนิคที่นำมาใช้และความคิดเห็นรอบด้านในเชิงลึกของแต่ละภาพ ซึ่งภาพที่ผ่านการคัดเลือกเป็นภาพที่เหมาะสมสวยงานตามหัวข้อของการประกวดอย่างแท้จริง
รายใดจะชนะใจกรรมการได้นั้น อดใจรอลุ้นการประกาศผลการตัดสินรางวัลที่จะมีขึ้นในเร็วๆ นี้
ผู้สนใจสามารถรับข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมและติดตามความเคลื่อนไหวของโครงการได้ที่www.thailandwakeup.com และเข้ามาเป็นเพื่อนกับ Facebook :Thailandwakeup