กฎหมายหลักประกันทางธุรกิจเป็นกฎหมายที่เปิดโอกาส และช่องทางให้ภาคธุรกิจสามารถเข้าถึงแหล่งสินเชื่อได้มากขึ้น โดยเฉพาะผู้ประกอบธุรกิจ SMEs ซึ่งเป็นภาคธุรกิจที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ส่วนสถาบันการเงินก็จะมีทางเลือกในการรับหลักประกันได้เพิ่มมากขึ้น มีความมั่นใจในการให้สินเชื่อ เนื่องจากหลักประกันมีกฎหมายรองรับอย่างชัดเจน รวมถึงกระบวนการบังคับหลักประกันตามกฎหมายมีความรวดเร็วขึ้นไม่ทำให้มูลค่าของหลักประกันด้อยค่าลง และเมื่อกฎหมายมีผลใช้บังคับแล้ว ก็จะทำให้อันดับของ Ease of Doing Business เพิ่มมากขึ้น อันจะแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความเหมาะสมในการจัดตั้งธุรกิจ และเป็นประเทศที่น่าลงทุน ซึ่งจะส่งผลดีต่อความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
ในวันที่ 4 กรกฎาคม 2559 สำนักงานทะเบียนหลักประกัน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ จะเริ่มเปิดให้จดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจได้ หากผู้ประกอบธุรกิจมีทรัพย์สินที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ ก็สามารถนำมาเป็นหลักประกันการขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินได้ นอกจากนี้ กระทรวงการคลังได้เสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดให้บุคคลอื่นเป็นผู้รับหลักประกัน พ.ศ. .... ซึ่งเป็นการกำหนดให้มีผู้รับหลักประกันเพิ่มเติมนอกเหนือจากสถาบันการเงิน เพื่อเพิ่มช่องทางให้ผู้ประกอบธุรกิจสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งร่างกฎกระทรวงนี้จะเป็นการกำหนดให้บุคคลอื่น สามารถเข้ามาเป็นผู้รับหลักประกันตามกฎหมายได้เพิ่มเติม เช่น นิติบุคคลเฉพาะกิจที่มีวัถตุประสงค์เพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์บริษัทบริหารสินทรัพย์ตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทบริหารสินทรัพย์ และผู้ประกอบธุรกิจแฟคตอริ่ง เป็นต้น
สำนักกฎหมาย สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง โทร. 0-2273-9020 ต่อ 3265