บล.เออีซี ปรับเป้า SET ใหม่ 1,530 จุด แนะ IRPC-EA-GUNKUL-BA อานิสงส์เปิดประมูลโครงการภาครัฐ

อังคาร ๐๕ กรกฎาคม ๒๐๑๖ ๑๒:๐๕
บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือ AECS ปรับเป้า SET ใหม่ 1,530 จุด หลังมองปัจจัย Brexit กระทบตลาดหุ้นเอเชียน้อยกว่าคาด แนะจับตาหุ้นที่รับอานิสงค์เปิดโครงการประมูลในไตรมาส 3/59 ชู IRPC-EA-GUNKUL-BA ราคาหุ้นมีอัพไซด์สูง

นายเกรียงไกร ทำนุทัศน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือ AECS เปิดเผยว่า บริษัทปรับเป้าหมาย SET ใหม่มาอยู่ที่ระดับ 1,530 จุดในระยะ 12 เดือนข้างหน้า โดยมองว่าต้นทุนความเสี่ยงของไทยที่ลดลง 1.8% รอบ 2 เดือนที่ผ่านมา ได้ส่งผลบวกต่อการประเมินมูลค่าต่อตลาดหุ้นไทย โดยสามารถปรับเป้าหมายของต้นทุนส่วนผู้ถือหุ้นไปที่ 11% หรือ Imply ผลบวกต่อราคาเป้าหมายดัชนีที่ 80 จุด ทั้งนี้เมื่อเปรียบเทียบกับเป้าหมายดัชนีใหม่จะพบว่า SET ยังซื้อขายด้วยระดับ P/E 17.4 เท่า และ PBV 1.9 เท่า

ภายหลังประเมินเหตุการณ์วิกฤตการเงิน โลก 3 เหตุการณ์ เช่น ปี 2008 วิกฤตการเงินของสหรัฐ ต่อมาในปี 2011 วิกฤตหนี้กรีซ ส่งผลกระทบต่อการลงทุนทั้งระบบ แต่สำหรับเหตุการณ์ Brexit ที่เกิดขึ้นกลับส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นในเอเชียน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว

ทั้งนี้หากประเมินผลกระทบต่อประเทศไทย ซึ่งพิจารณาจากทั้ง 3 เหตุการณ์ อาทิ วิกฤตการเงินของสหรัฐ ในปี 2008 พบว่า ต้นทุนความเสี่ยงของไทย (CRP) ปรับเพิ่มไปที่ 13.5% ส่วนในปี 2011วิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรป ส่งผลให้ CRP ของไทย ปรับเพิ่ม ไปที่ 16.3% แต่ในเดือนมิ.ย. ปี 2016 เหตุการณ์ Brexit ส่งผลให้ CRP ของไทยปรับลงมาที่ 7% หรือลดลง 1.8% ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา

ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล. เออีซี กล่าวเพิ่มว่า นอกจากนี้ยังคงมีปัจจัยที่น่าสนใจ และมีผลต่อการลงทุนในช่วงไตรมาส 3/2559 เช่น โครงการที่กำลังจะเริ่ม ดำเนินการผลิตมีโครงการ UHV ของ IRPC, โครงการพลังงานลมของ EA, GUNKUL และในไตรมาสนี้ยังมีการเปิดประมูล โดยโครงการที่มีความแน่นอนแล้ว คือ โครงการประมูลโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลในเดือนส.ค., การประมูลรถไฟฟ้าและรถไฟรางคู่, การประมูลโครงการปรับสายไฟฟ้าลงดิน และโครงการวางเครือข่าย Fiber

รวมถึงการเร่งเปิดโครงการใหม่ของกลุ่มที่อยู่อาศัย โดยสัดส่วนการเปิดโครงการเฉลี่ยของกลุ่มที่อยู่อาศัยคิดเป็น 70% ของแผนการเปิดโครงการในปี 59 และการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) ในธุรกิจโรงไฟฟ้า และการได้กำลังการผลิตในโครงการพลังงานทดแทนเพิ่ม

ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์การลงทุน การเลือกอุตสาหกรรมเจาะไปใน Sub Sector ที่มีความโดดเด่นโดยอุตสาหกรรมที่มีความแข็งแกร่ง เราเลือกกลุ่มสายการบิน, พลังงานทดแทน, กลุ่มสินเชื่อเช่าซื้อ, กลุ่มอสังหาฯ (ที่อยู่อาศัยและเพิ่มกลุ่มรับเหมาฯ) และเครื่องดื่ม ส่วนการลงทุนระยะยาวที่มองว่ามีส่วนต่างจากราคาเป้าหมายสูงได้แก่ BA, EA

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๖:๒๗ สถาพร เอสเตท ฟอร์มเยี่ยม ยอดขายทะลุเป้ากว่า 165 ล้านบาท จากงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 46
๑๖:๐๒ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค จัดทัพโซลูชั่นสำหรับสมาร์ทซิตี้ในงาน IEEE-ISC2 2024 พร้อมจัดเวทีเสวนาระดับผู้นำทางความคิดด้านสมาร์ทซิตี้
๑๖:๑๘ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป ผนึก IMAX Corporation เปิดโรงหนัง IMAX with Laser ครั้งแรกในต่างจังหวัด ส่งมอบประสบการณ์การดูหนังที่ดีที่สุด ที่ เซ็นทรัล เฟสติวัล
๑๖:๒๘ Bitkub Group สร้างปรากฏการณ์เขียวทั่วเมืองไทย!ขึ้น Billboard ต้อนรับ Developer ทั่วโลกบินร่วมงาน Devcon 2024
๑๖:๔๗ ยิบอินซอยจับมือมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ลงนามบันทึกความเข้าใจ ผลิตบุคลากรคุณภาพในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์
๑๖:๓๕ RML ปลื้ม 'ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์' และ 'เทตต์ สาทร ทเวลฟ์' ปล่อยเช่า Yield สูง
๑๖:๔๓ TPCH สุดแกร่ง! โชว์กำไร 9 เดือนปี 67 แตะ 254.15 ลบ. รับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าชีวมวล-พลังงานขยะ กำลังผลิต 90.2 MW บอร์ดใจดีแจกปันผลระหว่างกาล 0.128
๑๖:๒๖ กลุ่มเซ็นทรัล ชวนทุกท่านร่วมส่งมอบความสุขอันอบอุ่นให้น้องๆ ชายแดนใต้ ผ่านของขวัญแทนความห่วงใย ในโครงการ มิลเลี่ยนกิฟต์ มิลเลี่ยนสมายล์ ปี
๑๖:๑๖ YLG ย้ำทองยังปรับตัวขึ้นได้อีก 2 ปี เป้าหมายถัดไปลุ้นถึง 3,000 ดอลลาร์ ทองแท่งในประเทศได้เห็น 5 หมื่นบาท
๑๖:๒๖ แม็คโคร ชี้เมกะเทรนด์ธุรกิจอาหารที่น่าจับตามอง ปี 2568 หนุนผู้ประกอบการโฮเรก้าเติมศักยภาพ-แข่งขันในตลาดได้