นายดนัย เอกกมล รองอธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน เปิดเผยว่า กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กระทรวง ได้มีการจัดทำแผนอนุรักษ์พลังงาน 20 ปี (ปี พ.ศ. 2558 - 2579) โดยกำหนดเป้าหมายให้มีค่าดัชนีการใช้พลังงานรวมต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) ณ ปี พ.ศ. 2579 ลดลงให้ได้ร้อยละ 30 เทียบกับค่าปีฐานในปี พ.ศ. 2553
ทั้งนี้ มาตรการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานโดยบริษัทจัดการพลังงาน (Energy Service Company: ESCO) ซึ่งได้ถูกกำหนดเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์หลักภายใต้แผนอนุรักษ์พลังงาน 20 ปีดังกล่าว ที่ยังคงต้องมีการส่งเสริมอย่างต่อเนื่อง โดยหลักการที่สำคัญของ ESCO เป็นการดำเนินการประหยัดพลังงานในลักษณะที่มีการรับประกันผลประหยัดให้กับเจ้าของโครงการ และการชดเชยหากผลที่ได้รับไม่เป็นตามข้อตกลงตามสัญญา โดยมีการตรวจวัดพิสูจน์ผลประหยัดที่ชัดเจน
ที่ผ่านมา พพ. ให้การสนับสนุนการดำเนินโครงการส่งเสริมธุรกิจ ESCO โดยร่วมมือกับสถาบันพลังงานฯ ส.อ.ท. โดยเริ่มมาตั้งแต่ปี 2550 และได้ดำเนินงานต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 9 ซึ่งมีแนวทางหลักที่ได้ดำเนินการที่ผ่านมา ประกอบด้วย
1. การสร้างความเข้าใจและให้ความรู้เกี่ยวกับ ESCO รวมถึงเผยแพร่ผลงานความสำเร็จของโครงการอนุรักษ์พลังงานแบบ ESCO ในรูปแบบการจัดกิจกรรมสัมมนา อบรม และการดูงาน ทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค
2. การจัดกิจกรรมส่งเสริมและกระตุ้นธุรกิจและความต้องการใช้บริการ ESCO เช่น ESCO Business Matching กิจกรรม Forum สำหรับผู้บริหาร เป็นต้น
3. การพัฒนาขีดความสามารถและยกระดับมาตรฐานผู้ให้บริการธุรกิจ ESCO ผ่านทางการขึ้นทะเบียนอย่างเป็นทางการ การพัฒนามาตรฐานความเป็นมืออาชีพของผู้ให้บริการ ESCO ให้มีศักยภาพสูง และการผลักดันให้มีการสร้างแนวทางการตรวจวัดพิสูจน์ผลประหยัด (Measurement and Verification: M&V) อันเป็นที่ยอมรับและใช้เป็นแนวทางร่วมกัน
4. การสร้างเครือข่ายระหว่างผู้ที่เกี่ยวข้องในธุรกิจ ESCO ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการดำเนินงาน ESCO Information Center ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางข้อมูลข่าวสาร ตลอดจนการประสานงานระหว่างผู้เกี่ยวข้องและสนใจในธุรกิจ ESCO
ซึ่งผลการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานด้วยกลไก ESCO ในช่วงปี พ.ศ. 2556 – 2558 ที่ผ่านมา สามารถผลักดันให้เกิดสัญญาการลงทุนโครงการอนุรักษ์พลังงานด้วยกลไก ESCO ได้ถึง 288 โครงการ โดยมีเงินลงทุนรวมทั้งสิ้นประมาณ 16,065 ล้านบาท และก่อให้เกิดผลประหยัดพลังงานได้เป็นมูลค่ากว่า 3,338 ล้านบาท หรือคิดเป็น 53.29 ktoe
ทั้งนี้จากผลสำเร็จดังกล่าวข้างต้น พพ. จึงยังคงเดินหน้าให้การส่งเสริมและผลักดันธุรกิจ ESCO โดยการร่วมมือกับ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ต่อเนื่องเป็นปีที่ 9 สำหรับปี พ.ศ. 2559 นี้ กิจกรรมหลักที่มีความสำคัญยิ่งอีกหนึ่งกิจกรรม ได้แก่การจัดงาน Thailand ESCO Fair 2016 ซึ่งปีนี้จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ "ESCO ก้าวหน้า ประชารัฐก้าวไกล พาไทยประหยัดพลังงาน" มุ่งเน้นให้มีการยกระดับความเป็นมืออาชีพและมาตรฐานการให้บริการของบริษัท ESCO ให้เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงเพิ่มการขยายผลการดำเนินโครงการ ESCO ไปยังกลุ่มอาคารของหน่วยงานภาครัฐที่มีศักยภาพในการอนุรักษ์พลังงานและมีความสามารถในการจัดหางบประมาณลงทุนบางส่วนได้ด้วยตนเอง เช่น โรงพยาบาล และมหาวิทยาลัย เป็นต้น นอกจากนี้ พพ. ได้มีมาตรการเสริมในการสนับสนุนด้านการลงทุนสำหรับโครงการ ESCO เป็นการเฉพาะ ซึ่งได้แก่ โครงการส่งเสริมการลงทุนผ่านทาง ESCO Revolving Fund โดยจะมีวงเงินส่งเสริมการลงทุน 500 ล้านบาท เพื่อไปส่งเสริมการลงทุนในโครงการ ESCO ควบคู่กันไปด้วย
"จากกิจกรรมต่างๆ ดังกล่าว จะก่อให้เกิดความความตระหนักถึงความสำคัญในการอนุรักษ์พลังงาน และเกิดความร่วมมือกันจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ และเอกชนในอนุรักษ์พลังงาน ที่สอดคล้องตามนโยบายประชารัฐในการขับเคลื่อนประเทศไทย อันจะนำไปสู่การลดต้นทุนการผลิตด้านพลังงานและช่วยลดภาวะโลกร้อน นำอุตสาหกรรมไทยพัฒนาศักยภาพก้าวไกลสู่ระดับสากล" รองอธิบดี พพ. กล่าว
ด้าน นายหิน นววงศ์ รองประธานคณะกรรมการบริหารสถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การจัดงาน Thailand ESCO Fair 2016 ในครั้งนี้ กำหนดจัดขึ้นในวันอังคารที่ 2 สิงหาคม 2559 ณ ห้องบอลรูม ชั้น 2 โรงแรมสวิสโซเทล เลอคองคอร์ด ประกอบด้วยงานหลัก 2 ส่วน คือ การจัดสัมมนาและงานนิทรรศการ มุ่งเน้นที่จะเผยแพร่หลักการของธุรกิจบริษัทจัดการพลังงาน ด้วยการแสดงผลงานความสำเร็จของโครงการต่าง ๆ เพื่อให้สถานประกอบการเห็นถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากการใช้บริการของบริษัทจัดการพลังงานโดยจะมีการนำเสนอรูปแบบการให้บริการของบริษัทจัดการพลังงาน (ESCO) ทั้งของภาครัฐและเอกชน จัดแสดงเทคนิคการบริหารจัดการ และเทคโนโลยีอุปกรณ์ด้านอนุรักษ์พลังงาน กว่า 20 บูธ
สำหรับการจัดสัมมนา ได้รับเกียรติจากปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวเปิดงานและมอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่สถานประกอบการที่ประสบความสำเร็จจากการใช้ระบบ ESCO และมอบโล่ให้กับบริษัทจัดการพลังงานที่มีผลงานดีเด่นด้านการให้บริการแก่ลูกค้า ต่อจากนั้นจะเริ่มการเสวนาภายใต้หัวข้อ "ESCO ก้าวหน้า ประชารัฐก้าวไกล พาไทยประหยัดพลังงาน" โดยได้รับเกียรติจาก คุณคุรุจิต นาครทรรพ ประธานกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านพลังงาน สภาการปฏิรูปประเทศ เป็นผู้เข้าร่วมเสวนาในหัวข้อดังกล่าว และช่วงบ่ายเสวนา เรื่อง "Success Cases of ESCO Projects" โดย สถานประกอบการที่ได้รับรางวัล ESCO Project Awards" และการเสวนาเรื่อง "ESCO โครงการนำร่องการอนุรักษ์พลังงานในหน่วยอาคารราชการ (ESCO Pilot Project)" เพื่อใช้เป็นกรณีตัวอย่างที่ดำเนินการได้จริงในการทำโครงการอนุรักษ์พลังงานโดยกลไกบริษัทจัดการพลังงาน ซึ่งสามารถนำไปขยายผลกับหน่วยงานราชการอื่นๆ ได้
"หวังเป็นอย่างยิ่งว่างาน Thailand ESCO Fair และงานสัมมนาที่จะจัดขึ้น เพื่อกระตุ้นและขยายตลาดธุรกิจ ESCO ในพื้นที่จังหวัดต่างๆ จะเป็นกลไกสำคัญส่วนหนึ่งในการช่วยขับเคลื่อนการอนุรักษ์พลังงานและลดต้นทุนการผลิตให้กับภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทยได้ต่อไปเป็นอย่างดี" นายหิน กล่าว
นายพ้อง เหลืองแสงทอง อุปนายกสมาคมบริษัทจัดการพลังงานไทย กล่าวว่า กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ได้ให้การสนับสนุนในการส่งเสริมพัฒนาธุรกิจ ESCO โดยมีสถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เป็นผู้ขับเคลื่อนสำคัญ มาจนถึงปัจจุบันเข้าสู่ปีที่ 9 ซึ่งภายใต้การสนับสนุนนี้ ในปี 2555 ก็ได้มีการจัดตั้งสมาคมบริษัทจัดการพลังงานไทยขึ้น เพื่อให้เกิดการพัฒนาศักยภาพของสมาชิกสมาคม และเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาโครงการด้านอนุรักษ์พลังงานที่ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็น 1 ใน 6 ยุทธศาสตร์ของแผนอนุรักษ์พลังงานระยะ 20 ปี (ปี 2558-2579)
ที่ผ่านมา สมาคมฯ ได้ดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ภายใต้กรอบวิสัยทัศน์ และพันธกิจของสมาคม โดยได้ประสานความร่วมมือกับองค์กร สถาบัน ตลอดจนหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับแนวคิดธุรกิจบริษัทจัดการพลังงาน กระตุ้นตลาดตลอดจนผลักดันเชิงนโยบาย ผ่านการดำเนินกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ เพื่อให้เกิดโครงการอนุรักษ์พลังงานด้วยระบบ ESCO ทั้งในภาคอุตสาหกรรม เอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีที่ผ่านมา ได้มีการผลักดันให้เกิดโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานสำหรับอาคารภาครัฐ ซึ่งนอกจากจะช่วยลดการพึ่งพางบประมาณของภาครัฐที่ต้องจัดสรรมาลงทุน ประหยัดงบประมาณในส่วนของค่าสาธารณูปโภคด้านพลังงาน ประหยัด สมาคมฯ มุ่งมั่นที่จะสร้างมาตรฐานการทำงานและยกระดับบริษัทจัดการพลังงานไทยให้เป็นที่ยอมรับในประเทศและมีความน่าเชื่อถือเทียบเคียงได้กับระดับสากล เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับกลุ่มผู้ประกอบการ สถาบันการเงิน ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งจะทำให้การบริการของ ESCO เป็นที่ยอมรับและเพิ่มขึ้นอย่างยั่งยืนต่อไป
"ขอเชิญชวนผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมงานในครั้งนี้ เพื่อพบปะรับข้อมูลข่าวสาร พูดคุยเพื่อรับทราบและทำความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการการดำเนินการอนุรักษ์พลังงานในรูปแบบ ESCO จากกลุ่มบริษัทจัดการพลังงาน ตลอดจนช่องทางการสนับสนุนทางการเงินจากสถาบันการเงินต่าง ๆ ที่เข้าร่วมออกบูธนิทรรศการ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น" นายพ้อง กล่าว