ไอพีพีเอสเผยตลาดไม่ใช้เงินสดมีทิศทางสดใส หลังภาครัฐหนุนให้ประชาชนใช้ตลาดอีเพย์เมนท์เป็นทางเลือกใหม่

พฤหัส ๑๔ กรกฎาคม ๒๐๑๖ ๑๕:๒๐
ไอพีพีเอสประเมินการเติบโตตลาดอีเพย์เมนท์กำลังไปได้สวย หลังรัฐบาลไฟเขียวหนุนให้ประชาชนหันมาใช้บริการอีเพย์เมนท์ ระบุเชื่อมั่นในการส่งเสริมของภาครัฐที่ผลักดันการเข้าสู่ตลาดที่ไม่ใช้เงินสด จะส่งผลให้การแข่งขันในทางธุรกิจไปได้สวย

ดร.กนกวรรณ ว่องวัฒนะสิน ประธานกรรมการบริหารบริษัท ไอพี เพย์เมนท์ โซลูชั่น จำกัดหรือ IPPS กล่าวว่าจากมติที่ประชุมคณะกรรมการระบบการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (อีเพย์เมนท์) เห็นชอบพิจารณาให้ผู้ประกอบการและประชาชนหันมาใช้ระบบอีเพย์เมนท์ กันให้มากขึ้นนั้น ในส่วนของไอพีพีเอส ผู้ให้บริการอีเพย์เมนท์หรือกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ ประเภท ค (6) ซึ่งเป็น 1 ใน 11 รายของประเภท Non-bank ภายใต้แบรนด์ เพย์ฟอร์ยู (PayforU) คาดการณ์ว่าสถานการณ์ตลาดอีเพย์เมนท์ในปีหน้าจะมีการแข่งขันค่อนข้างสูงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผู้ให้บริการหลาย ๆ ราย ที่เตรียมหาพันธมิตรเครือข่าย Banking มาร่วมกันทำตลาด เพื่อเตรียมรองรับการให้บริการการโอนเงินระหว่างประเทศ ซึ่งคาดว่าในต้นปีหน้าจะสามารถเปิดให้บริการได้เป็นผลสำเร็จหลังจากได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทย (แบงก์ชาติ)

จากการที่ภาครัฐสนับสนุนในการพัฒนาศักยภาพเพื่อรองรับเศรษฐกิจดิจิตอล และการใช้อีเพย์เมนท์ นั้น คาดว่าจะทำให้ตลาดอีเพย์เมนท์เติบโตสูงขึ้น โดยไอพีพีเอสจะเน้นการทำตลาดไปที่โมบายเพย์เมนท์แอปพลิเคชั่น (Mobile Payment Application) ที่จะนำไปสู่กลุ่มการตลาดที่กว้างขึ้น ซึ่งประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐานทางด้านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือที่พร้อมอยู่แล้ว โดยเฉพาะการมาของ 4G จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ได้ง่ายและรวดเร็วมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ลูกค้าสามารถใช้ช่องทางดิจิตอลในการชำระเงินได้ง่ายขึ้น โดยปัจจุบันคนไทยนิยมใช้การชำระเงินผ่านอินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้ง (Internet Banking) เป็นอันดับ 1 รองลงมาเป็นบัตรเครดิตและโมบายเพย์เมนท์ (Mobile Payment) ตามลำดับ ส่วนในอนาคตคาดว่าการใช้งานโมบายเพย์เมนท์ จะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นจากตลาดแรงงานต่าง ๆ ที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น ทั้งแรงงานกัมพูชา เมียนมาร์ ลาว และเวียดนาม ทำให้รูปแบบของการโอนเงินระหว่างประเทศในรูปแบบอีเพย์เมนท์เป็นทางเลือกใหม่ ที่เหมาะสำหรับแรงงานที่ไม่มีบัญชีเงินฝากในประเทศไทย รวมไปถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาท่องเที่ยวในไทยด้วย

ทั้งนี้ที่ผ่านมารายได้จากการให้บริการของเพย์ฟอร์ยู (PayforU) ถูกจัดแบ่งออกเป็น 1.ลูกค้าที่ใช้บริการเติมเงินมือถือ 2.ลูกค้าที่จ่ายบิลผ่อนชำระสินค้าเงินผ่อน เช่น เฟิร์สชอยส์ หรืออิออน 3.ลูกค้าที่ใช้จ่ายเงินเพื่อเล่นเกมออนไลน์ และ4.บริการอื่น ๆ โดยรูปแบบการเติมเงินผ่านเพย์ฟอร์ยู สามารถเติมได้กับ ทั้งธนาคารทั้ง 5 แห่ง อาทิ 1.ธนาคารกสิกรไทย 2.ธนาคารกรุงศรีอยุธยา 3.ธนาคารกรุงเทพ 4.ธนาคารไทยพาณิชย์ และ 5. ธนาคารกรุงไทย นอกจากนี้ ยังสามารถเติมเงินกับพันธมิตรร้านค้าต่าง ๆ เช่น เคาน์เตอร์เซอร์วิส เซเว่นอีเลฟเว่น เทสโกโลตัส บิ๊กซี เป็นต้น โดยลูกค้าจะเสียค่าธรรมเนียมประมาณ 10-15 บาท ให้แก่พันธมิตร/ผู้ให้บริการช่องทางเติมเงิน

ดร.กนกวรรณ กล่าวต่อว่า ถึงแม้ว่าจะมีคู่แข่งในตลาดมีเพิ่มมากขึ้น รวมถึงบริการอีเพย์เมนท์ของผู้ให้บริการระบบมือถือ แต่จุดเด่นของเพย์ฟอร์ยู คือ เป็นผู้ให้บริการรับชำระเงินที่ไม่ผูกติดกับค่ายใดค่ายหนึ่ง และสามารถชำระค่าสินค้าหรือบริการได้ทุกประเภท รวมถึงบัตรเติมเงินเกมและการผ่อนชำระสินค้า นอกจากนี้ยังมีพันธมิตรช่องทางเติมเงินที่ครอบคลุมผ่านตู้เอทีเอ็มธนาคาร ร้านสะดวกซื้อ ขณะที่การพัฒนาระบบของไอพีพีเอส ยังอาศัยความเชี่ยวชาญจากบริษัทไอเอสเอสพี (ซึ่งเป็นบริษัทหลักที่ให้บริการอินเทอร์เน็ตมานานกว่า 20 ปี)

หลังเปิดให้บริการอีเพย์เมนท์ หรือกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์อย่างเป็นทางการภายใต้แบรนด์ เพย์ฟอร์ยู ตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้มีสมาชิกแล้วราว 7 แสนราย มียอดทำรายการชำระเงินราว 3 หมื่นรายการต่อวันและส่วนใหญ่เป็นการชำระค่าสาธารณูปโภค เช่น ค่าน้ำประปาและใช้บริการเติมเงินต่าง ๆ และเจาะกลุ่มตลาดรายย่อย หรือไมโครเพย์เมนท์ โดยในปีหน้า เมื่อมีการแข่งขันค่อนข้างสูง

ไอพีพีเอสลงทุนระบบไปแล้วหลักร้อยล้านบาท ที่สร้างความเชื่อมั่นในการใช้งานในระบบอีเพย์เมนท์ ผนวกกับการส่งเสริมของภาครัฐที่ผลักดันการเข้าสู่ตลาดที่ไม่ใช้เงินสด และการทำแอนนี่ ไอดี ทำให้โอกาสที่อีเพย์เมนท์จะเติบโตมีสูงมาก และเนื่องจากเป็นตลาดที่เพิ่งเริ่มต้น ทำให้เรายังประเมินมูลค่าตลาดที่แน่ชัดไม่ได้ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมองว่าการใช้บริการอีเพย์เมนท์ จำเป็นต้องมีช่วงเวลาของการเรียนรู้ ซึ่งปัจจัยสำคัญคือ ความมั่นใจในระบบธนาคารที่จะส่งผลให้เกิดความเชื่อถือในระบบอีเพย์เมนท์ ขณะที่ระบบพื้นฐานการใช้งานอีเพย์เมนท์ ก็พร้อมอยู่แล้ว

จากสถิติปัจจุบันคนไทยมีบัญชีธนาคาร 76 ล้านบัญชี แต่มียอดผู้ใช้มือถือ 80 ล้านเครื่อง บัตรประชาชนหรือฐานข้อมูลกลาง ที่ผ่านมายังไม่สามารถเช็คได้เรียลไทม์ หรือยังไม่สามารถเช็คประวัติอาชญากรได้ ถ้ารัฐพัฒนาจุดนี้ให้ดีขึ้น โอกาสเติบโตของอีเพย์เมนท์ก็จะสูงขึ้น สำหรับปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายมีสมาชิก 2 ล้านราย และรายได้ 500 ล้านบาท และกำลังเตรียมหาพันธมิตรเพื่อขยายบริการอีเพย์เมนท์ไปในกลุ่มองค์กรขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการได้ภายในปีนี้

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๕ เม.ย. Electronic Nose นวัตกรรมตรวจวัดกลิ่น! เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดี กรมอนามัย ร่วม MOU กรมควบคุมมลพิษ และ 4 หน่วยงานรัฐ - เอกชน
๒๕ เม.ย. ITEL ประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 68 ไฟเขียวอนุมัติแจกวอร์แรนต์ฟรี ลุยขยายธุรกิจ
๒๕ เม.ย. สวทช. โดย นาโนเทค เฟ้นหา 8 ผู้ประกอบการ ต่อยอดนวัตกรรมสมุนไพรสู่ผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง
๒๕ เม.ย. คาเฟ่ แคนทารี ชวนมาลิ้มลองเมนูพิเศษประจำเดือนพฤษภาคม - มิถุนายน 2568 อร่อยครบเครื่องทั้งรีซอตโตต้มยำ เครป
๒๕ เม.ย. ซีพี ออลล์ x มูลนิธิชาวปักษ์ใต้ ร่วมสนับสนุนทุนการศึกษาเพื่ออาชีพแก่เยาวชนในจังหวัดภาคใต้
๒๕ เม.ย. ซีพีแรม ดีเดย์ เปิดเวที FINNOVA 2025 : ยกระดับความรู้สู่นวัตกรรมอาหาร ปักหมุดไทยศูนย์กลางนวัตกรรมอาหารโลก
๒๕ เม.ย. ดีไซน์เพื่อชีวิตที่ไม่หยุดนิ่ง: อาดิดาส ออริจินอลส์ เผยโฉม ADIZERO ARUKU พร้อมพื้นรองเท้าแบบโปรเกรสซีฟ
๒๕ เม.ย. พรีโม จับมือ Q-CHANG จัดทัพทีมช่างกว่า 2,000 ทีม! ยกระดับบริการซ่อมห้องชุด ตอกย้ำแนวคิด Primo Happy Maker
๒๕ เม.ย. ครั้งแรก กับ Dance (แดนซ์) Glossy Body Hair Perfume Mist น้ำหอม 2-in-1 พร้อมเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ เก๋ไก๋ บุกใจกลางกรุง ชวนสาวๆ
๒๕ เม.ย. SCB CIO ชี้ 3 ปัจจัยกระทบตลาดการเงินฉุดสินทรัพย์ทั่วโลกผันผวน แนะระวังการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง เพิ่มน้ำหนักหุ้นกู้ระยะสั้นคุณภาพดี และ