นายชัชชัย สฤษดิ์อภิรักษ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 15 - 25 กรกฎาคม 2559 บลจ.กสิกรไทยจะเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน ดีเอฟ (KEFF6MDF) ประมาณการผลตอบแทนที่ผู้ถือหน่วยลงทุนคาดว่าจะได้รับที่ 1.80% ต่อปี และกองทุนเปิดเค เอ็นแฮนซท์ ตราสารหนี้ต่างประเทศ 3 เดือน เอเอ็ม (KEFF3MAM) ประมาณการผลตอบแทนที่ผู้ถือหน่วยลงทุนคาดว่าจะได้รับที่ 1.65% ต่อปี โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน และสำหรับผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี
สำหรับแนวโน้มภาพรวมตลาดตราสารหนี้ในช่วงครึ่งปีหลัง นายชัชชัยกล่าวว่า "การลงทุนในตราสารหนี้ในช่วงครึ่งหลังของปี 59 มีแนวโน้มให้ผลตอบแทนที่ลดลงกว่าครึ่งปีแรกที่ผ่านมา เนื่องจากราคาตราสารหนี้ได้ปรับตัวขึ้นค่อนข้างมากแล้วทำให้มีโอกาสปรับตัวขึ้นได้อีกค่อนข้างจำกัด ทั้งนี้ปัจจัยที่ผู้ลงทุนจะต้องติดตามต่อเนื่องคือ แนวโน้มการดำเนินนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางต่างๆทั่วโลกที่อาจมีนโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมภายหลังผลกระทบจากเหตุการณ์ Brexit รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐฯ(FED) ซึ่งตลาดมองว่าโอกาสที่ FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้มีน้อยลง ส่วนทิศทางอัตราดอกเบี้ยของไทย บลจ.กสิกรไทยมองว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) น่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 1.50% ไปจนถึงสิ้นปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวได้ดี โดยธนาคารกลางแห่งประเทศไทยคาดการณ์ GDP ในปีนี้ว่าจะขยายตัวได้ที่ 3.1% อย่างไรก็ตาม กนง.ก็อาจมีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยลงได้เช่นกัน หากว่ามีแรงกดดันจากการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมของธนาคารกลางต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อค่าเงินบาทด้วย"
นายชัชชัยกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้ไม่มากนัก หรือผู้ที่ต้องการแบ่งเงินลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงมาลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ บลจ.กสิกรไทยได้เปิดเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศประเภทกำหนดอายุโครงการเป็นประจำทุกสัปดาห์เพื่อเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการล็อกผลตอบแทนที่แน่นอน โดยสามารถเลือกลงทุนเป็นเวลา 3 เดือน หรือ 6 เดือน ทั้งนี้สำหรับ กองทุน KEFF6MDF ที่มีอายุโครงการ 6 เดือน เบื้องต้นคาดว่าจะเข้าไปลงทุนในเงินฝาก China Construction Bank Corporation, เงินฝาก Bank of China, เงินฝาก First Gulf Bank, ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเงินฝาก Garanti Bank, ประเทศตุรกี นอกจากนี้ยังลงทุนในตราสารหนี้ T.C. Ziraat Bankasi A.S., ประเทศตุรกี ด้านกองทุน KEFF3MAM ที่มีอายุโครงการ 3 เดือน เบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในเงินฝาก China Construction Bank Corporation, เงินฝาก Agricultural Bank of China และเงินฝาก Bank of China นอกจากนี้ยังลงทุนในตราสารหนี้ Yapi Kredi Bankasi A.S. และตราสารหนี้ T.C. Ziraat Bankasi A.S., ประเทศตุรกี โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และเป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่มีสินทรัพย์ในการลงทุนสูงและสามารถยอมรับความเสี่ยงได้มากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน โดยผู้ลงทุนต้องลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำ 1,000,000 บาท
ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย ยังได้เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนต่อเนื่องให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้แบบที่มีกำหนดอายุโครงการ (Fixed Term Fund) ของบลจ.กสิกรไทย ซึ่งเมื่อกองทุนครบกำหนดอายุโครงการ บริษัทจัดการจะนำเงินค่าขายคืนอัตโนมัติไปซื้อหน่วยลงทุนที่ผู้ลงทุนเลือกได้กองทุนใดกองทุนหนึ่งใน 3 กองทุน คือ กองทุนเปิดเค ตลาดเงิน (K-MONEY) กองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) หรือกองทุนเปิดเค เอ็มพลัส (K-MPLUS) ซึ่งอยู่ในกลุ่มกองทุนรวมตราสารหนี้ ของบลจ.กสิกรไทย
สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนกับกองทุน KEFF6MDF และกองทุน KEFF3MAM สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและขอรับหนังสือชี้ชวนเสนอขายได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือสอบถาม KAsset Contact Center 0 2673 3888 หรือที่ www.kasikornasset.com