การลงทุนตราสารหนี้ระยะสั้นในต่างประเทศจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจเพื่อเพิ่มผลตอบแทนที่ดีนอกเหนือจากการลงทุนภายในประเทศ ในขณะที่มีความเสี่ยงต่ำกว่าการลงทุนในสินทรัพย์อื่น บริษัทจึงเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทย ตราสารหนี้ระยะสั้นพลัส (KTSTPLUS) เสนอขายครั้งแรก( IPO ) ในวันที่ 20 กรกฎาคม -2 สิงหาคม 2559 เน้นลงทุนในตราสารหนี้ เงินฝาก หรือตราสารการเงิน โดยกองทุนอาจพิจารณานำเงินไปลงทุนในต่างประเทศได้ไม่เกิน50%ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน
โดยกองทุน KTSTPLUS เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการรักษาเงินต้น คาดหวังโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีกว่าการฝากเงินและการลงทุนในกองทุนตลาดเงิน หรือต้องการพักเงิน ในระยะประมาณ 3 เดือน – 1 ปี โดยกองทุนนี้ จะลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ มากกว่ากองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ พลัส ( KTPLUS) ในบางช่วงเวลา เพื่อเพิ่มโอกาสในการรับผลตอบแทนมากกว่า แต่อาจจะมีความผันผวนในระยะสั้นสูงกว่ากองทุน KTPLUS
ทั้งนี้ กองทุนจะเน้นลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ โดยมีอายุเฉลี่ยพอร์ตลงทุน 5 - 10 เดือน และลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศเพื่อเพิ่มผลตอบแทนในสัดส่วนไม่เกิน 50% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยผู้จัดการกองทุนจะใช้ดุลยพินิจในการบริหารความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน โดยอาจมีการซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้า (FX Swap/ Forward/Option) อย่างไรก็ตาม ตราสารหนี้ ที่ลงทุนในต่างประเทศจะทำการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน และเน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่มีคุณภาพ อันดับเครดิตเฉลี่ยพอร์ตอยู่ที่ A- ขึ้นไป
นางชวินดา กล่าวต่อไปว่า บริษัทได้รับรางวัล 2016's Fund Manager Elite ' awards จากนิตยสาร Wealth & Finance ในกลุ่ม AI Global ของประเทศอังกฤษ เนื่องจากเห็นว่าบริษัทมีกองทุนที่มีความหลากหลาย โดยเฉพาะกองทุนต่างประเทศ ซึ่งนับว่าเป็นอีกหนึ่งรางวัลแห่งความภาคภูมิใจ ที่เป็นแรงผลักดันให้บริษัทเสาะแสวงหากองทุนที่มีความเหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจในแต่ละช่วงเวลา มานำเสนอต่อผู้ลงทุน เพื่อกระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์อื่นๆ เป็นการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุน และเพิ่มโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดี