นายไมตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า การประชุมครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีและที่ประชุมมีความเห็นต่อประเด็นขอความร่วมมือการบูรณาการร่วมกันกับกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ในประเด็นต่างๆ ได้แก่ ๑) เห็นควรให้มีสถิติข้อมูลพื้นฐานของประเทศไทย อาทิ ข้อมูลสภาพปัญหา จำนวนกลุ่มเป้าหมายที่ต้องดูแล ๒) การปฏิบัติงานของส่วนราชการต้องมีการวางRoad map ทั้งในเชิง Function และ Agenda ที่ชัดเจนไปถึงปี ๒๕๖๐ และควรดำเนินงานตาม Road map ที่วางไว้ ก่อนส่งต่อภารกิจให้กับรัฐบาลชุดต่อไป ๓) ไม่ควรมีการจัดทำแผนงานหรือโครงการที่มีการผูกพันงบประมาณระยะยาว เนื่องจากจะมีผลต่อการทำงานของรัฐบาลชุดต่อไป ๔) ควรยึดยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๒ และแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน ( SDGs) เป็นกรอบในการปฏิบัติงาน พร้อมกำหนดยุทธศาสตร์ในระยะ ๒๐ ปี เป็นแนวทางการปฏิบัติงานของส่วนราชการ โดยมีการติดตามประเมินผลเป็นระยะทั้งระยะ ๕ ปี ๑๐ ปี และ ๑๕ ปี ๕) มุ่งส่งเสริมการใช้กลไกประชารัฐในการแก้ไขปัญหา พัฒนาประเทศและการนำภาคเอกชนให้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาให้มากยิ่งขึ้น ๖) ทุกส่วนราชการ ควรมีการจัดทำพื้นทางเดิน และทางลาดสำหรับคนพิการในหน่วยงาน และในที่สาธารณะ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับคนพิการ ๗) ภารกิจที่หน่วยงานภาครัฐดำเนินงานเพื่อการดูแลคนพิการ และผู้สูงอายุ ควรมีการประชาสัมพันธ์ต่อสาธารณะชน เพื่อให้ทราบว่าภาครัฐทุกภาคส่วนได้ให้ความสำคัญและให้การดูแลกลุ่มเป้าหมายดังกล่าวอย่างเต็มที่
นายไมตรี กล่าวต่อไปว่า ๘) สำนักงาน ก.พ. ได้ดำเนินการสอบขึ้นบัญชีคนพิการที่ประสงค์จะขอรับการจ้างงานไว้แล้ว ส่วนราชการสามารถนำบัญชีรายชื่อไปใช้ในการพิจารณาจ้างงานคนพิการได้ ๙) มอบกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร พัฒนาแอพลิเคชั่นสำหรับคนพิการเพื่อการเข้าถึงสิทธิการให้บริการต่างๆ ของภาครัฐได้ดียิ่งขึ้น โดยให้พัฒนาให้เหมาะสมกับการให้บริการต่อคนพิการทุกประเภทความพิการ ๑๐) ขอความร่วมมือทุกส่วนราชการจัดจ้างงานคนพิการให้เป็นไปตามเป้าหมาย
ที่กำหนด ทั้งการจัดจ้างให้ทำงานในหน่วยงาน และการจัดหางานให้ทำที่บ้าน ทั้งนี้ จากสถิติข้อมูลกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ และกระทรวงแรงงาน มีการจ้างงานคนพิการครบถ้วนตามเป้าหมายแล้ว ๑๑) ให้มีการสำรวจและจัดทำบัตรประชาชนให้กับคนพิการอย่างครบถ้วน และทั่วถึง เพื่อให้คนพิการสามารถจดทะเบียนคนพิการ ที่สามารถเข้าถึงสิทธิและบริการต่างๆ ของภาครัฐได้
ซึ่งกระทรวงมหาดไทยพร้อมให้ความร่วมมือในการดำเนินงานอย่างเต็มที่ ๑๒) ควรจัดให้มีโครงการดูแลผู้พิการและผู้สูงอายุในหน่วยงาน/ครอบครัวทหาร เพื่อแบ่งเบาภาระ ๑๓) จัดทำเกณฑ์การประเมินความพิการให้เป็นมาตรฐานเดียวกันในทุกหน่วยงาน๑๔) ดูแลการจัดสรรโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลสำหรับคนพิการ ให้มีความเป็นธรรมกับคนพิการด้วยนายไมตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ๑๕) โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยให้กับประชาชน ขอให้คำนึงถึงประชาชนกลุ่มเป้าหมายทั่วไปเป็นสำคัญ ไม่ควรมุ่งเน้นการจัดสรรที่อยู่อาศัยสำหรับประชาชนที่บุกรุกพื้นที่สาธารณะแต่เพียงอย่างเดียว ๑๖) ให้ทุกหน่วยงานมีการประชาสัมพันธ์เรื่องการส่งเสริมความเสมอภาคหญิงชาย การสร้างความรู้ความเข้าใจ และส่งเสริมสตรีให้มีส่วนร่วมในทุกภาคส่วนอย่างเท่าเทียม ๑๗) ทุกส่วนราชการควรเตรียมแผนงาน เพื่อรองรับการแก้ไขปัญหาการว่างงานซึ่งจะมีเพิ่มมากขึ้น ๑๘) ทุกหน่วยงานควรมีส่วนร่วมในการร่วมพัฒนาประเทศไทยให้เป็น Thailand ๔.๐ ในอนาคต ๑๙) มอบหมาย สศช. และ สมช. ติดตามการเบิกจ่ายงบประมาณของหน่วยงานภาครัฐทุกแห่ง ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด ๒๐) ส่วนราชการควรให้ความสำคัญกับการทำงานเชิงบูรณาการให้มากยิ่งขึ้น เพื่อลดความซ้ำซ้อน และลดภาระการปฏิบัติงาน และ ๒๑) นายกรัฐมนตรีขอชื่นชม และขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมกันขับเคลื่อนภารกิจการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ในประเทศไทย จนได้รับการปรับระดับจาก Tier ๓ ขึ้นมา เป็น Tier ๒ เฝ้าระวัง เนื่องจากรัฐบาลมีความพยายามในการดำเนินงานเพื่อขจัดปัญหาการค้ามนุษย์