คำถามแรกที่ จอห์น แมคลีน Dimension Data Global brand ambassador ถามผู้ร่วมวงสัมมนาในงาน "Infinite Possibilities in Digital Era - How far you can go" ซึ่งจัดโดยบริษัท ไดเมนชั่น ดาต้า (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อไม่นานมานี้
เป็นคำถามเดียวกับที่พ่อของจอห์นเคยถามเขาเมื่อ 26 ปีที่แล้ว ภายหลังที่เขาฟื้นตัวจากอุบัติเหตุรถชนและพบว่า ร่างกายท่อนล่างเป็นอัมพาต นั่นหมายความว่า ชีวิตการเป็นนักกีฬามืออาชีพที่กำลังรุ่งโรจน์ ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันรักบี้ หรือไตรกีฬา ต้องจบลงด้วยวัยเพียง 22 ปี
"Hold on to the past or Let go" ... ยึดติด หรือ ปล่อยวาง …
จอห์น เล่าว่า ความฝันในวัยเด็กของเขาคือการเติบโตเป็นนักกีฬาที่มีชื่อเสียง แต่อุบัติเหตุที่เกิดขึ้น คือ ความจริงของชีวิตที่ทำใจได้ยาก หลังจากทิ้งชีวิตให้จมอยู่กับความทุกข์และร่างกายที่เจ็บปวดบนเก้าอี้รถเข็น หรือวีลแชร์ไปวัน ๆ จนเมื่อพ่อได้ถามเขาในวันหนึ่งว่า ...ชีวิตลูกจะไปได้ไกลแค่ไหน... เป็นคำถามซึ่งทำให้ฉุกคิดได้ว่า สำหรับเขาแล้ว ชีวิตคงมีอยู่สองทางเลือก คือ จะยึดติดอยู่กับอดีตให้ใจเป็นทุกข์ หรือ ปล่อยวางมันเสียแล้วก้าวต่อไปข้างหน้า จอห์นตัดสินใจเลือกที่จะ "ปล่อยวางอดีต" แต่ "ไม่ยอมละทิ้งความฝัน"
เขาเดินหน้าสร้างแรงบันดาลใจใหม่ให้กับตัวเอง เริ่มจากการก้าวข้ามข้อจำกัดของร่างกาย ปรับเปลี่ยนชีวิตตัวเองเสียใหม่ และมุ่งมั่นเดินตามความฝันอีกครั้งในฐานะนักกีฬาวีลแชร์ (Wheelchair Athlete) ที่ต้องประสบความสำเร็จในโลกการกีฬาให้ได้ จอห์นทุ่มเทฝึกฝนอย่างหนักในกีฬาเกือบทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นการแข่งไตรกีฬา การว่ายน้ำระยะไกล การแข่งพายเรือทั่วไป การแข่งพายเรือกรรเชียง การขี่จักรยานมือ (Hand-Cycling) การแข่งขันบนวีลแชร์ และบาสเก็ตบอล
เขายังท้าทายตัวเองอีกว่า นับจากนี้ไป เขาจะต้อง "ยิ่งใหญ่" และ "แกร่ง" กว่าเดิม โดยสิ่งที่จะพิสูจน์ตัวเองให้เป็นที่ยอมรับ คือ การเข้าร่วมแข่งขันกีฬาที่ยากที่สุดเท่าที่มีการจัดขึ้นบนโลกใบนี้
เขาเชื่อมั่นว่า "โอกาสมีอยู่ทุกที่ และเป็นของเราเสมอ ขอเพียง เปิดหู เปิดตา และเปิดใจ"
"Keep on trying, keep on going" …จงไปต่อไป...
การแข่งขันไตรกีฬาไอรอนแมนระดับโลก (Iron Man World Championship) เป็นเกมกีฬาที่จัดขึ้นเพื่อทดสอบความแข็งแกร่งของร่างกาย ซึ่งทุก ๆ ปี จะมีนักกีฬา และผู้สนใจในการกีฬาจากทุกมุมโลกเข้าร่วมการแข่งขันไตรกีฬาใน 3 ชนิดกีฬา คือ ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน และวิ่ง
จอห์น เล่าว่า เขาได้ชมรายการแข่งขันนี้ทางทีวีในวันหนึ่ง และตั้งคำถามว่า ...เป็นไปได้ไหมที่นักกีฬาบนวีลแชร์จากเมืองเล็ก ๆ ในออสเตรเลียจะอาจหาญไปร่วมการแข่งขันยิ่งใหญ่ระดับโลก... ซึ่งคำตอบที่ให้กับตัวเองนั้นเรียบง่ายและเป็นเหตุเป็นผลที่สุดว่า ...ลองทำเสียก่อน แล้วค่อยมาดูกันว่าผลจะเป็นอย่างไร...
14 ชั่วโมง 52 นาที คือสถิติการแข่งขันที่ทำได้ในปีแรก 14 ชั่วโมง 39 นาที คือ สถิติที่ทำได้ในปีที่สอง สถิติที่ดูเหมือนจะดีขึ้นเพียงเล็กน้อยนั้นแลกมาด้วยความยากลำบากขณะแข่งขันโดยใช้จักรยานมือซึ่งมีทั้งล้ม ยางแบนจนไม่สามารถเข้าถึงจุดสิ้นสุดการแข่งขันประเภทจักรยานได้ก่อนเวลาที่กำหนด แต่เขาก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะไปต่อให้จบแม้จะถึงเส้นชัยเป็นคนสุดท้ายก็ตาม
ในปี 2538 ปีที่สามสำหรับการแข่งขันไอรอนแมนของจอห์น เขาถามตัวเองใหม่อีกครั้งว่า ...ยังต้องการกลับไปแข่งขันอีกหรือไม่...
คำตอบที่ได้ในวันนั้น ทำให้ชื่อของ จอห์น แมคลีน กลายมาเป็นนักกีฬาวีลแชร์คนแรกที่ประสบความสำเร็จในการแข่งขันไอรอนแมนโดยสามารถเข้าถึงเส้นชัยเป็นอันดับสาม และทำได้ภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้สำหรับผู้เข้าแข่งขันที่มีร่างกายปกติในปีนั้นนั่นเอง และยังเป็นนักกีฬาคนแรกที่ไม่ใช่คนอเมริกาซึ่งมีชื่อปรากฎในหอเกียรติยศการแข่งขันไตรกีฬาไอรอนแมนที่ฮาวายอีกด้วย นอกจากนี้ จอห์นยังเป็นนักกีฬาคนพิการคนแรกที่ประสบความสำเร็จในการว่ายน้ำข้ามทะเลช่องแคบอังกฤษในปี 2541 ด้วยสถิติ 12 ชั่วโมง 55 นาที รวมถึงการได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในทีมนักกรีฑาในการแข่งขันโอลิมปิกส์และพาราลิมปิกส์สำหรับผู้พิการ ในปี 2543 ซึ่งนับเป็นอีกก้าวสำคัญของชีวิต และเขาก็สามารถคว้าเหรียญเงินจากกีฬาเรือพายกรรเชียงในการแข่งขันพาราลิมปิกที่กรุงปักกิ่งในปี 2551 ได้ในที่สุด
"One Step at a time – just an attempt" ...ทีละก้าว ขอแค่พยายาม...
ในปี 2557 จอห์น แมคลีนชนะการแข่งขันไตรกีฬา ซึ่งจัดขึ้น ณ เมืองเนเปียนโดยไม่ต้องใช้วีลแชร์ เนื่องจากขาเริ่มกลับมาใช้การได้อีกครั้งภายหลังใช้วิธีรักษาแบบ แวร์ เค เทรเมอร์ เธอราปี (Ware K Tremor Therapy)
สำหรับจอห์น นี่คืออีกหนึ่งความฝัน ความหวัง และความพยายามที่ใช้เวลายาวนานกว่า 25 ปี เพื่อที่จะมีโอกาสกลับมายืน และเดินเคียงข้างไปกับภรรยาและลูกชายของเขาอีกครั้ง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยหยุดความพยายามในการค้นหาเทคโนโลยีหรือวิธีการที่จะทำให้ตัวเองดีขึ้นในทุก ๆ ทางแม้แค่เพียงน้อยนิดก็ตาม
จอห์น พบว่า ความพยายามที่เข้มแข็งในจิตใจนี่เอง ที่ทำให้เขามุมานะเปลี่ยนสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้กลับเป็นไปได้ และทำให้ความเป็นไปได้นั้น ๆ เกิดขึ้นให้ได้ในชีวิตแบบไม่รู้จบ รวมถึงการพร้อมเผชิญหน้ากับความยากลำบากที่ผ่านมาในชีวิตและเปลี่ยนมันให้กลายเป็นพลังผลักดันไปสู่ความสำเร็จที่มากขึ้นและมากขึ้นไปเรื่อย ๆ
ปัจจุบัน จอห์น แมคลีน ประสบความสำเร็จกับการเป็นนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ และได้จัดตั้งมูลนิธิ จอห์น แมคลีน เพื่อเป็นการตอบแทนคืนให้กับสังคมและชุมชนในการสนับสนุนช่วยเหลือและสร้างโอกาสให้กับเด็กผู้พิการของออสเตรเลียในการไล่ตามความฝัน และค้นหาศักยภาพของตัวเองให้เจอ และหวังให้ชีวิตของเขาเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่มีความบกพร่องทางร่างกาย หรือกระทั่งคนที่ร่างกายครบสมบูรณ์ให้มีชีวิตอยู่อย่างมีคุณค่าและมีความหมาย
เพราะ "Life is to be lived" ... ไม่ว่าชีวิตจะเป็นอย่างไร ชีวิตนั้นก็มีค่าควรแก่การใช้ชีวิต...
จอห์น แมคลีน กล่าวปิดท้ายงานสัมมนาว่า "อย่าหยุดพยายาม อย่าหยุดค้นหาตัวเอง อย่าหยุดมองสิ่งใหม่ ๆ รอบตัว แล้วเราจะค้นพบตัวเราเองในที่สุดว่า เราเป็นอะไรได้บ้าง ทำอะไรได้บ้าง"
และต่อให้ความฝันและเป้าหมายนั้นอยู่ไกลเพียงใด เราจะตอบตัวเองได้อย่างมั่นใจว่า
"How far we can go" ...ให้ไกลแค่ไหน เราก็ไปถึง...