เมื่อเปรียบเทียบผลการดำเนินงานงวดหกเดือนปี 2559 และ 2558 รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 918.5 ล้านบาท หรือร้อยละ 23.2 ส่วนใหญ่เกิดจากการขยายตัวของสินเชื่อและการลดลงของค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย ในขณะที่ รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิลดลง 22.9 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.0 ส่วนใหญ่มาจากการลดลงของค่าธรรมเนียม จากการจัดหาเงินกู้ร่วมและค่าธรรมเนียมจากการให้บริการสินเชื่อ และรายได้จากการดำเนินงานอื่นลดลง 486.1 ล้านบาทหรือร้อยละ 35.8 ส่วนใหญ่เกิดจากธุรกรรมบริหารเงิน สุทธิกับการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิจากเงินลงทุนและ รายได้จากการดำเนินงานอื่นๆ
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสำหรับงวดหกเดือนปี 2559 เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันปี 2558 เพิ่มขึ้นจำนวน 6.6 ล้านบาทหรือร้อยละ 0.2 สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน สุทธิกับการลดลง ของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาคาร สถานที่และอุปกรณ์ และค่าภาษีอากร อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้ จากการดำเนินงานงวดหกเดือนปี 2559 อยู่ที่ร้อยละ 53.8 ลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2558 อยู่ที่ ร้อยละ 57.3 เป็นผลจากแผนการบริหารจัดการเพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดีผนวกกับรายได้ที่เพิ่มขึ้น
อัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (Net Interest Margin – NIM) สำหรับงวดหกเดือนปี 2559 อยู่ที่ร้อยละ 3.79 เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปี 2558 อยู่ที่ร้อยละ 3.05 เป็นผลจากการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
วันที่ 30 มิถุนายน 2559 เงินให้สินเชื่อสุทธิจากรายได้รอตัดบัญชี (รวมเงินให้สินเชื่อซึ่งค้ำประกันโดยธนาคารอื่นและเงินให้สินเชื่อแก่สถาบันการเงิน) ของกลุ่มธนาคารอยู่ที่ 202.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.8 เมื่อเทียบกับ เงินให้สินเชื่อ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2558 กลุ่มธนาคารมีเงินฝาก (รวมตั๋วแลกเงิน หุ้นกู้ และผลิตภัณฑ์ทางการเงิน บางประเภท) จำนวน 214.8 พันล้านบาท ลดลงร้อยละ 1.7 จากสิ้นปี 2558 ซึ่งมีจำนวน 218.4 พันล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝาก (the Modified Loan to Deposit Ratio) ของกลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 94.3 จากร้อยละ 91.1 ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2558
สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) อยู่ที่ 8.8 พันล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อ เงินให้สินเชื่อทั้งสิ้น (NPL ratio) อยู่ที่ร้อยละ 4.3 เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2558 อยู่ที่ร้อยละ 3.1 เป็นผลจากความสามารถในการชำระหนี้ลดลงซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากลูกหนี้ภาคธุรกิจ สืบเนื่องมาจากสภาพแวดล้อม ทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม ธนาคารซีไอเอ็มบีไทยยังคงมาตรฐานการอนุมัติสินเชื่อ และนโยบาย การบริหารความเสี่ยงที่รัดกุมขึ้น ตลอดจนได้มีแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพการติดตามหนี้ การดำเนินการดูแล และการแก้ไขลูกหนี้ที่ถูกผลกระทบดังกล่าวอย่างใกล้ชิด
อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2559 อยู่ที่ร้อยละ 92.8 ลดลงจากสิ้นปี 2558 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 106.5 ส่วนเงินสำรองของกลุ่มธนาคาร ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2559 อยู่ที่จำนวน 8.1 พันล้านบาท ซึ่งเป็นสำรองส่วนเกินตามเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทยจำนวน 3.2 พันล้านบาท
เงินกองทุนรวมของกลุ่มธนาคาร ณ สิ้นวันที่ 30 มิถุนายน 2559 มีจำนวน 35.1 พันล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยงร้อยละ 15.1 โดยเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ร้อยละ 10.9