นายชัชชัย สฤษดิ์อภิรักษ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 26 กรกฎาคม – 1 สิงหาคม 2559 บลจ.กสิกรไทยจะเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน บีเอส (KFF6MBS) ประมาณการผลตอบแทนที่ผู้ถือหน่วยลงทุนคาดว่าจะได้รับที่ 1.50% ต่อปี และกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 3 เดือน ดับบลิว (KFF3MW) ประมาณการผลตอบแทนที่ผู้ถือหน่วยลงทุนคาดว่าจะได้รับที่ 1.50% ต่อปี โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน และสำหรับผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี
"ในสัปดาห์นี้มีปัจจัยที่นักลงทุนต้องติดตามคือ การประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ในวันที่ 26-27 ก.ค. นี้ และการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่นในวันที่ 28-29 ก.ค. โดยในส่วนของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด ตลาดส่วนใหญ่คาดว่าเฟดน่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยจากการประชุมในรอบนี้ เนื่องจากต้องรอประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจของสหรัฐฯและเศรษฐกิจโลก ภายหลังอังกฤษลงมติแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป อย่างไรก็ตามยังมีโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยได้ 1 ครั้งภายในสิ้นปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯยังสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ขณะที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นได้ส่งสัญญาณว่าเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมเป็นวงเงินอย่างน้อย 20 ล้านล้านเยน หรือประมาณ 1.90 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อรับมือกับการลงทุนและการบริโภคที่ชะลอตัวหลังจากเงินเยนแข็งค่าและกดดันกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้สำหรับผลต่อประเทศไทย จากการคงอัตราดอกเบี้ยของเฟด รวมถึงการดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางต่างๆ ทั่วโลก จะส่งผลให้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของไทยยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง โดยการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ในวันที่ 3 ส.ค. นี้ บลจ.กสิกรไทยคาดว่ากนง.จะยังคงอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 1.50% อย่างไรก็ตาม ธนาคารแห่งประเทศไทยก็ยังเปิดช่องให้สามารถผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมได้ หากเศรษฐกิจในประเทศมีพัฒนาการไปในทิศทางที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น" นายชัชชัยกล่าว
นายชัชชัยกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้ไม่มากนัก หรือผู้ที่ต้องการแบ่งเงินลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงมาลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ บลจ.กสิกรไทยได้เปิดเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศประเภทกำหนดอายุโครงการเป็นประจำทุกสัปดาห์เพื่อเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการล็อกผลตอบแทนที่แน่นอน โดยสามารถเลือกลงทุนเป็นเวลา 3 เดือน หรือ 6 เดือน ทั้งนี้สำหรับ กองทุน KFF6MBS ที่มีอายุโครงการ 6 เดือน เบื้องต้นคาดว่าจะเข้าไปลงทุนในเงินฝาก Agricultural Bank of China, เงินฝาก First Gulf Bank, ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และตราสารหนี้ Industrial & Commercial Bank of China Ltd., สาธารณรัฐประชาชนจีน นอกจากนี้ยังคาดว่าจะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลประเทศญี่ปุ่น ด้านกองทุน KFF3MW ที่มีอายุโครงการ 3 เดือน เบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในเงินฝาก China Construction Bank Corporation, เงินฝาก Agricultural Bank of China และตราสารหนี้ Industrial & Commercial Bank of China Ltd., สาธารณรัฐประชาชนจีน นอกจากนี้ยังคาดว่าจะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลประเทศญี่ปุ่นด้วยเช่นเดียวกัน โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และผู้ลงทุนสามารถลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำเพียง 5,000 บาท
ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย ยังได้เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนต่อเนื่องให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้แบบที่มีกำหนดอายุโครงการ (Fixed Term Fund) ของบลจ.กสิกรไทย ซึ่งเมื่อกองทุนครบกำหนดอายุโครงการ บริษัทจัดการจะนำเงินค่าขายคืนอัตโนมัติไปซื้อหน่วยลงทุนที่ผู้ลงทุนเลือกได้กองทุนใดกองทุนหนึ่งใน 3 กองทุน คือ กองทุนเปิดเค ตลาดเงิน (K-MONEY) กองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) หรือกองทุนเปิดเค เอ็มพลัส (K-MPLUS) ซึ่งอยู่ในกลุ่มกองทุนรวมตราสารหนี้ ของบลจ.กสิกรไทย
สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนกับกองทุน KFF6MBS และกองทุน KFF3MW สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและขอรับหนังสือชี้ชวนเสนอขายได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือสอบถาม KAsset Contact Center 0 2673 3888 หรือที่ www.kasikornasset.com